หลายคนคงเห็นการนำจอกลางขนาดใหญ่มาใช้ทดแทนปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นหลักของตัวรถ โดยเฉพาะค่ายถยนต์ระดับแนวหน้าที่กล้าตัดสินใจเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพื่อวัดใจผลตอบรับทางตลาด ว่าผู้ใช้งานจะมีกระแสก่นด่า หรือได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากน้อยเพียงใด
ค่ายรถที่เป็น 1 ในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ได้แก่ Volkswagen ที่ได้ออกมายอมรับปัญหาดังกล่าว โดยผู้ที่รับหน้าโจทย์ครั้งนี้เป็นถึง CEO คนใหม่ของแบรนด์อย่าง Thomas Schäfer ที่ให้สัมภาษณ์กับ Car Magazine สื่อยานยนต์รายใหญ่ระดับสากล ว่าพวกเค้าพบความยากลำบากในการใช้งานระบบ Infotainment ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความล่าช้าในการสั่งงาน และหน้าตาเมนูที่ชวนให้งุนงงทุกครั้งที่เริ่มใช้งาน
โดยระบบ Infotainment ที่ทางค่ายเรียกว่า MIB3 นี้ ยังมีการนำไปใช้กับรถ EV แบรนด์ในเครือรุ่นอื่นๆ อย่าง Skoda Enyaq iV และ Cupra born เป็นต้น จึงนับเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากได้สอบถามกับกลุ่มลูกค้า กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เกิดการ Bias ไปจนถึงสื่อยานยนต์สากล
การแก้ไขจะเริ่มในช่วงฤดูหนาวของปี 2022 นี้ ผ่านการอัพเดท Software เวอร์ชั่น 3.0 เพื่อให้การทัชสกรีนเป็นไปได้อย่างลื่นไหลยิ่งขึ้น พร้อมการเพิ่มฟังก์ชั่นเรืองแสงให้กับปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศและการปรับระดับเสียง
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาและปรับปรุงจะไม่ได้เกิดขึ้นที่ Software เพียงเท่านั้น แต่ทางค่ายยังวางแผนที่จะเปลี่ยนชิ้นส่วนบางจุด เช่น เพิ่มปุ่มควบคุมเพื่อทดแทนการสั่งงานแบบระบบสัมผัส ซึ่งทางผู้บริหารในบอร์ดของค่ายกำลังเร่งหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาระบบนี้อย่างรวดเร็วที่สุด ตั้งเป้าที่จะนำมาใช้งานในรถยนต์ที่ถูกผลิตตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป
หนึ่งในหนทางแก้ไข คือการปรับปรุงงานออกแบบคอนโซลหน้า จอกลาง ควบคู่กับการลำดับความสำคัญฟังก์ชั่นต่างๆ ที่จะถูกเลือกระหว่างการสั่งงานผ่านปุ่มควบคุม หรือการสั่งงานผ่านระบบสัมผัสที่จอกลางคอนโซล โดยในบอร์ดที่ประชุมได้ทำการเสนอ การจัดลำดับความสำคัญ 10 ฟังก์ชั่นแรก และที่มีการใช้งานบ่อยที่สุด จะถูกบรรจุลงในชุด สั่งงานด้วยปุ่มควบคุมทั้งหมด โดยฟังก์ชั่นนอกเหนือจากกลุ่มนี้ อาจยังคง ใช้การควบคุมแบบระบบสัมผัสได้ ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดจะถูกวิเคราะห์อย่างละเอียด โดยจะไม่พยายามเปลี่ยนลักษณะการใช้งานของกลุ่มลูกค้าโดยไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสองในอนาคต
ในเบื้องต้นทางผู้บริหารได้แย้มข้อมูลไทม์ไลน์การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยเริ่มต้นที่รุ่นเปลี่ยนโฉมของ Tiguan ในปี 2023 เป็นต้นไป
ที่มา: Carscoops