หลังจากที่ทำตลาดมาได้เป็นเวลา 3 ปี ก็ถึงเวลาที่ Audi จะทำการปรับโฉมรถ Compact กลุ่มพรีเมียม คู่แข่ง Mercedes-Benz A-class และ BMW 1-series ซึ่งยังมีให้เลือกทั้งตัวถัง Hatchback 5 ประตู และ Sedan 4 ประตู โดยยังได้รับการตอบรับจากตลาดยุโรปเป็นอย่างดี
เผยให้เห็นถึงบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลง ไล่ตั้งแต่กันชนหน้า กระจังหน้าที่ถูกพรางโลโก้เอาไว้ คาดการณ์ว่าจะติดตั้งโลโก้ 4 ห่วง ออกแบบใหม่ ที่มาในแนวมินิมอลมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนไป ก็คือช่องดักแบบเสมือน ซึ่งทางค่ายนิยมนำมาใช้สำหรับรุ่นที่ไม่ได้วางขุมพลังสมรรถนะสูงจึงติดตั้งเพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น
รถทดสอบคันดังกล่าวมาพร้อมธีมตกแต่ง S Line สังเกตได้จากการใช้โทนสีดำ รวมไปถึงล้ออัลลอยลายสปอร์ต แต่ทว่าไม่ใช่รุ่นสมรรถนะสูง S3 อย่างแน่นอน เนื่องจากขนาดล้ออัลลอยที่เหมาะสมกับรุ่นขุมพลังความแรงระดับเริ่มต้นเสียมากกว่า
นอกเหนือไปจากนั้น งานออกแบบด้านข้างมีการพรางชิ้นส่วนชายล่างทั้งหมด จึงอาจวิเคราะห์ได้ว่า ทางค่ายมีแนวโน้มที่จะติดตั้งสเกิร์ตข้างออกแบบใหม่ รวมไปถึงด้านท้ายที่มีการพรางเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงเส้นไฟสำหรับให้สัญญาณจราจร ต่างๆ ตามกฎหมายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าถูก เปลี่ยน เป็นชิ้นส่วนใหม่ได้แก่แผงทับทิมสะท้อนแสงที่บริเวณกันชนท้าย จากเดิมที่เป็นแนวโน้มถูกเปลี่ยนมาเป็นแนวตั้ง
แนวทางการวางรุ่นย่อยในรุ่นปรับโฉมนี้ อาจมีการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตกแต่งออกแนวตัวลุยยกสูงแบบสปอร์ต ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า A3 Allstreet ซึ่งทางค่ายได้เปิดตัว A1 Allstreet ไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อยานยนต์ในต่างประเทศ คืองานออกแบบภายในที่ลดทอนความหรูหราและมีการใช้วัสดุเกรดปกติมากกว่า A3 รุ่นก่อนๆ แต่ก็เป็นการยากที่ทางค่ายจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนภายใน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูง
รายละเอียดทางด้านขุมพลังอาจยังคงไว้ซึ่งทางเลือกเหมือนกับรุ่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2025 ทาง Audi เตรียมที่จะเปิดตัวเครื่องยนต์สันดาปภายในยุคใหม่ ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการจัดการด้านมลพิษที่ดีกว่ารุ่นปัจจุบัน จึงอาจนำมาใช้ในรุ่น ปรับโฉมครั้งสุดท้าย ก่อนที่โมเดล A3 จะถูกเปลี่ยนไปใช้กลุ่มพลังไฟฟ้าล้วนในเจเนอเรชั่นถัดไปช่วงปี 2027 ภายใต้งานวิศวกรรมบน Scalable Systems Platform
ที่มา: Automedia