งานออกแบบภายนอกโดดเด่นโดยประตูปีกนกขนาดใหญ่ที่สามารถให้ผู้โดยสารตอนหลังขึ้นลงได้อย่างสะดวกเส้นสายตัวรถมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเน้นความโฉบเฉี่ยวรถซุปเปอร์คาร์ที่ทั้งยังมาพร้อมกับไฟหน้าแบบไฟท้าย

โดยประตูปีกนกอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้ห้องโดยสารไม่มีเสากลางขั้นเพิ่มความโปร่งโล่งสบายและพื้นที่ห้องโดยสารทั้งแถวหน้าและแถวหลังในขณะที่องศาการเปิดประตูก็ยังช่วยให้ผู้โดยสารที่มีความสูงสามารถขึ้นลงได้อย่างปลอดภัยนอกจากนี้การปรับองศาให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางก็สามารถทำได้จากฟังชั่นของตัวรถ

 

โครงสร้างตัวถังอัจฉริยะทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ 100% เป็นครั้งแรกของวงการรถยนต์ตัวถังเอสยูวีที่มีการนำวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ช่วยลดน้ำหนักตัวถังลงได้ถึง 50% อีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับโครงสร้างตัวถังทั่วไป

 

แน่นอนว่าเกิดมาเป็นซุปเปอร์คลานสมรรถนะสูงก็ต้องมาพร้อมกับเส้นสายที่สอดคล้องกับหลักการอากาศพลศาสตร์อย่างสูงสุด โดยงานออกแบบด้านหลังมีการเน้นเส้นสายที่เป็นครีบรีดอากาศ เพื่อให้กระแสลมที่อยู่ด้านหลังจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ทางค่ายเรียกวิธีนี้ว่า “coda tronca” ที่ทำงานร่วมกับชิ้นส่วนดิฟฟิวเซอร์บริเวณกันชนหลังในขณะที่กันชนหน้าก็ยังรังสรรค์โดยเส้นสายที่ทำให้ ทำให้กระแสอากาศไหลผ่านบริเวณด้านหัวรถเพื่อลดแรงต้านอากาศ ในขณะที่กระแสลมส่วนนึงก็จะไหลต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณหลังคาพร้อมสร้างแรงกดสามเหลี่ยมด้วยความเร็วสูงอีกด้วย

ไฟหน้าที่แฝงไปด้วยงานออกแบบภายในโคมแบบล้ำสมัยที่นอกจากจะมอบความสว่างสูงสุดแล้วยังสามารถสร้าง effect ตามความต้องการได้ อีกทั้งยังมีการติดตั้งไฟส่องสว่างเพิ่มเติมบริเวณหลังคาเพื่อเสริมภาพลักษณ์ตัวลุยสไตล์รถแรลลี่ และพร้อมใช้งานทำการสภาพอากาศอันโหดร้าย

 

ภายในความสบายสูงสุดให้กับผู้โดยสารด้วยการออกพื้นฐานตัวถังให้ติดตั้งกลุ่มพลังไฟฟ้าล้วนตั้งแต่แรก โดยนอกจากจะมีประสิทธิภาพในการทรงตัวเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้การออกแบบอรรถประโยชน์ใช้สอยภายในตัวรถมีอิสระมากยิ่งขึ้น

คอนโซลหน้ามีการออกแบบเพื่อเน้นผู้ขับขี่เป็นสำคัญ ในขณะที่ระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลังก็ยังติดตั้งจอคู่เพื่อรับชมการสตรีมมิ่งสื่อต่างๆได้อย่างครบถ้วน เบาะนั่งคู่หน้าหุ้มด้วยหนังและตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่ซ่อนตามจุดต่างๆได้อย่างแนบเนียน

 

ทางค่ายภูมิใจนำเสนอระบบปฏิบัติการ Drako DriveOS Nanocontrol ที่ออกแบบพิเศษมาโดยเฉพาะ ทำงานภายใต้ชิปประมวลผลความเร็วสูง Multi-core ที่ฝังอยู่ในกล่องควบคุมคุม ECU ของรถยนต์ โดยยังทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และระบบช่วยเหลือต่างๆภายในตัวรถที่เป็นการสื่อสารด้วยความเร็วสูงในหลักมิลลิวินาที นอกจากนี้ยังรวบรวมระบบความบันเทิงและการสื่อสารต่างๆไว้ด้วยกัน

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว Quad Motor ทำงานภายใต้ระบบ Drako DriveOS Nanocontrol ให้กำลังสูงสุดกว่า 2,000 แรงม้า ทำอัตราเร่งควอเตอร์ไมล์ ภายใน 9.0 วินาที สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางสูงสุด ต่อ 1 การชาร์จ กว่า 672 กิโลเมตร สามารถชาร์จไฟด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 500 kW

ระบบเบรกเอาอยู่ด้วยด้านหน้าคาลิปเปอร์จำนวน 10 พ๊อต จานเบรกคาร์บอนเซรามิคขนาด 420 มิลลิเมตร ในขณะที่คู่หลังมาพร้อมคาลิปเปอร์จำนวน 6 พ๊อต จานเบรกคาร์บอนเซรามิคขนาด 410 มิลลิเมตร ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาดใหญ่จุใจถึง 23 นิ้ว

Drako Dragon จะถูกนำมาจัดแสดงให้เห็นตัวเป็นเป็นที่งาน Los Angeles Auto Show ระหว่างวันที่ 18-27 พฤศจิกายน 2022 ที่ Los Angeles สหรัฐอเมริกา โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 290,000 เหรียญสหรัฐ (10,469,000 บาท)

ที่มา: Drako