หลังจากที่ Ford ได้เปิดตัว Escape ในตลาดอเมริกาเหนือหรือ Kuga สำหรับตลาดยุโรป ไปเมื่อปี 2020 ที่ใช้ธีมงานออกแบบร่วมกับ Focus Fiesta และ Puma รุ่นก่อนปรับโฉม จนกระทั่งทำตลาดครบ 3 ปี ก็ถึงเวลาที่ Ford จะนำงานออกแบบธีมใหม่ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้ากับรถทั้ง 3 รุ่น เช่นเคย ด้วยสไตล์ด้านหน้าที่ขยายกระจังหน้าใหญ่เต็มความกว้าง ไฟหน้าต่อเนื่องกับกระจังหน้า

จากเดิมที่แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 4 รุ่น ได้แก่ S SE SEL และ Titanium ทาง Ford ได้เปลี่ยนชื่อรุ่นให้เรียกได้ง่ายขึ้น โดนเริ่มจาก Base Active Platinum และ ST-Line ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่รุ่นเดียว แต่มาถึง 3 รุ่นย่อยตามความต้องการ ได้แก่  ST-Line ST-Line Select และ ST-Line Elite รวมไปถึงรุ่น Plug-in hybrid

 

ด้านหน้ามาพร้อมพันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกระจังหน้าและไฟหน้าใหม่ ให้สอดรับกัน ไฟหน้าติดตั้งไฟ DRL แบบเชื่อมต่อกับเส้นขอบไฟด้านบนของกระจังหน้าตลอดความกว้างตัวรถ ซึ่งมีให้เลือกในบางรุ่น เสริมภาพลักษณ์ให้รถดูทันสมัยยิ่งขึ้น  โดยแต่ละรุ่นย่อย จะได้รับงานออกแบบชิ้นส่วนกระจังหน้าแตกต่างกันออกไป โดยในรุ่น ST-Line จะมาพร้อมกระจังลายหกเหลี่ยมขนาดใหญ่สีดำ อีกทั้งยังติดตั้งสปอยเลอร์หลัง แผ่นกันกระแทกใต้กันชนหลัง และการตกแต่งชิ้นส่วนตัวถังเป็นสีเดียวกับตัวรถ

 

ภายในมีการใช้โทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่นย่อย โดยในรุ่นเริ่มต้น Base จะใช้สีดำ จนกระทั่งสีเทาในรุ่นที่เน้นความหรูหราอย่าง Active Platinum และสีเทาในรุ่นที่เน้นความหรูหรา โดยขณะที่รุ่น ST-Line จะใช่สีดำตกแต่งเพิ่มเติมด้วยการเดินด้ายสีแดงที่บริเวณ เบาะหนังรอบคัน พวงมาลัยท้ายตัด แผงประตู พรมปูพื้นและที่เท้าแขนกลาง

จอกลางแสดงระบบความบันเทิงขนาด 13.2 นิ้ว พร้อมจอมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายระบบช่วยเหลือการขับขี่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัจฉริยะ ระบบช่วยควบคุมความเร็วตามการจราจร ระบบช่วยเบรกเมื่อมีวัตถุวิ่งผ่านขณะถอยหลัง ระบบช่วยหักเลี้ยวเมื่อเกิดเหตุการณ์กะทันหัน นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ถอยจอดรอบคัน กล้องมองภาพ 360 องศา

 

อย่างไรก็ตามรายละเอียดเรื่องขุมพลังยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง จากปี 2021 โดยยังมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ Ecoboost ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า (PS) เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Ecoboost ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 253 แรงม้า (PS)เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร Full-hybrid และไฮไลท์อย่าง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร Plug-in hybrid ซึ่งให้กำลังสูงสุดเท่ากันที่ 213 แรงม้า (PS)

โดยลูกค้าสามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้ทั้งแบบ 2 ล้อหน้าและ 4 ล้อ ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์และรุ่นย่อย มีราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นที่ 27,500 เหรียญสหรัฐฯ (1,043,075 บาท) สำหรับคิวต่อไปเป็นการปรับโฉมของ Kuga ที่เป็นแฝดคนละชื่อสำหรับภูมิภาคยุโรป

ที่มา: Carscoops