สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ BMW M2 ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว และจะเป็น M2 รุ่นสุดท้ายที่ยังคงใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ ครั้งนี้ BMW ตั้งใจออกแบบให้มีความแตกต่างจาก 2-series รุ่นมาตรฐานพอสมควร ชนิดที่ว่าด้านหน้าดูเสมือนรถคนละรุ่นกันเลยทีเดียว

 

งานออกแบบด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบไร้กรอบซ่อนอยู่ภายในกันชน ไฟหน้ารูปทรงโฉบเฉี่ยวได้รับแรงบันดาลใจมาจาก BMW 2002 ในตำนาน ภายใต้เทคโนโลยี BI-LED ล้ออัลลอยสีดำเงาออกแบบมาโดยเฉพาะที่มีขนาดด้านหน้าและด้านหลังไม่เท่ากัน แสดงให้เห็นถึงการรองรับพละกำลังที่มากขึ้นกว่ารุ่นปกติ พร้อมคาลิปเปอร์เบรก M สีแดง ขนาด 18 นิ้ว พร้อมสีภายนอกเฉพาะรุ่น สี M Zandvoort Blue และ สี M Toronto Red

 

ช่องดักลมด้านหน้าขนาดใหญ่ทรงเหลี่ยมสันที่ดูแปลกตากว่าทุกรุ่นของ BMW แต่ก็ทำให้ได้รับลมแบบเต็มๆ เข้าสู่ห้องเครื่องเพื่อไประบายความร้อนให้กับขุมพลังและระบบเบรก ออกแบบให้มีชิ้นส่วนสปอยเลอร์ด้านล่างในตัว เพิ่มแรงกดที่ด้านหน้า ซุ้มล้อรอบคันมีความโป่งออกมามากกว่าเวอร์ชั่นปกติเพื่อรองรับขนาดล้อและยางที่กว้างขึ้น นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการความดุดันสามารถเลือกติดตั้งหลังคาทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ได้ด้วย

 

มิติตัวถัง:

  • ความยาว: 4,580 มม.
  • ความกว้าง: 1,887 มม.
  • ความสูง: 1,403 มม.
  • ระยะฐานล้อ: 2,747 มม.
  • รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด: 5.9 ม.
  • ความจุถังน้ำมัน: 52 ลิตร
  • น้ำหนักตัวถัง: 1,725 กก.

 

มาพร้อมทางเลือกเบาะนั่ง 2 แบบ โดยแบบแรกเป็นเบาะนั่ง M Sport ปรับด้วยไฟฟ้า หุ้มด้วย Sensatec/Alcantara เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แล้วแบบที่ 2 เบาะนั่งแบบ M Carbon ที่พร้อมสำหรับการลงสนามได้ทุกเมื่อ มีโครงเบาะทำจากวัสดุ carbon fibre-reinforced plastic (CFRP) ซึ่งสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 10.8 กิโลกรัม และมีจุดยึดสำหรับ เข็มขัดนิรภัยตามมาตรฐานการแข่งขันระดับสากล โดยที่ยังคงระบบการปรับเบาะด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบอุ่นเบาะ เพื่อความสบายในการขับขี่เหมือนรถทั่วไป

 

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย แป้นแพดเดิลชิฟท์สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ รวมไปถึงการใช้โทนสี 3 สีหลัก แดง น้ำเงินเข้มและฟ้าของ BMW M มาพร้อมระบบ iDrive เวอร์ชั่นที่ 8 จอโค้งแบบคู่ที่เชื่อมต่อจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว และจอกลางขนาด 14.9 นิ้วเข้าด้วยกัน พร้อมระบบนำทาง BMW Maps navigation เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตามหากต้องการระบบแสดงผลข้อมูลตัวรถ แบบเฉพาะจาก BMW M จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นออฟชั่น รวมไปถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบการเชื่อมต่อ eSIM 5G ก็นับเป็นออฟชั่นที่ต้องเสียเงิน เพิ่มเช่นเดียวกัน

ระบบการช่วยเหลือขับขี่ปรับแต่งเป็นพิเศษโดยเฉพาะสำหรับ M2 จาก M Drive Professional ที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนได้ตามต้องการ พร้อมโหมดการขับขี่ M MODE 3 รูปแบบ ได้แก่ ROAD SPORT และ TRACK รวมไปถึงการแสดงผลข้อมูลจำเพาะของระบบภายในรถยนต์อย่างครบครัน

 

ขุมพลังและระบบส่งกำลัง

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์วขนาด 3.0 ลิตร (2,998 ซีซี) กระบอกสูบ x ช่วงชัก 84.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 :1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ TwinPower Turbo แบบเทอร์โบคู่ พ่วง Intercooler พร้อมระบบ Double VANOS และ Valvetronic ให้กำลังสูงสุด 460 แรงม้า (PS) ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 2,650-5,870 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ M Steptronic พร้อม Drivelogic และ แป้น Paddle shift ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ หรือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง

  • ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.1 วินาที (4.3 วินาที สำหรับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ)
  • ทำอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ภายในเวลา 13.5 วินาที (14.3 วินาที สำหรับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ)
  • ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. (285 กม./ชม. เมื่อติดตั้ง M Driver Package )

 

ระบบบังคับเลี้ยว

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า Electric Power Steering พร้อม M Servotronic และ พวงมาลัยอัตราทดแปรผันแบบสปอร์ต Variable sport steering

ระบบกันสะเทือน

ช่วงล่างได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะจาก M และใช้ชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบา พร้อมการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ

  • ระบบกันสะเทือนด้านหน้า Adaptive M suspension เป็นแบบ Double Joint พร้อมโครงสร้างน้ำหนักเบาวัสดุอลูมิเนียม
  • ระบบกันสะเทือนด้านหลัง Adaptive M suspension เป็นแบบ Five-link พร้อมโครงสร้างน้ำหนักเบาวัสดุอลูมิเนียม
  • ล้ออัลลอยคู่หน้าขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 275/35 ZR19
  • ล้ออัลลอยคู่หลังขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 285/30 ZR20

ระบบห้ามล้อ

แบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

  • จานเบรกคู่หน้าทำจากเซรามิค แบบมีครีบระบายความร้อน พร้อม คาลิปเปอร์จำนวน 6 พ๊อต
  • จานเบรกคู่หลังทำจากเซรามิค แบบมีครีบระบายความร้อน พร้อม คาลิปเปอร์จำนวน 1 พ๊อต

 

BMW M2 จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในเมือง San Luis Potosí ประเทศเม็กซิโก และจะวางจำหน่ายในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2023 นี้ ก่อนจะตามมาด้วย สหราชอาณาจักร จีนและญี่ปุ่น มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 72,800 ยูโร (2,698,909 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าประเทศไทย)

ที่มา: BMW