วันที่ 15 ก.ย.65 ศาลฎีกาภาษีอากรกลางนัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีข้อพิพาทการจัดเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ Toyota Prius  โดยมีโจทก์(ผู้ฟ้อง) คือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และมีจำเลย(ผู้ถูกฟ้อง) คือ กรมศุลกากร โจทก์ร้องขอให้ศาลภาษีอากรเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน อ้างว่าตนเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนแล้ว 

ผลของคำพิพากษามีดังนี้

  • บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นฝ่ายแพ้คดี
  • ศาลเห็นว่าชิ้นส่วนที่บริษัทได้นำเข้ามายังประเทศไทยนั้นเป็นชิ้นส่วนที่ใกล้จะประกอบสำเร็จสมบูรณ์เป็นรถพร้อมจะใช้งานได้แล้ว ไม่เข้ากรณีที่จะได้รับการลดภาษี ตามความร่วมมือในทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่น JTEPA
  • ไม่สามารถเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ทำให้ต้องจ่ายภาษี รวมเงิน 11,639,786,094.84 บาท

เป็นที่ฮือฮากันทั้งในวงการรถยนต์ และวงการกฎหมายกับกรณีพิพาทระหว่างกรมศุลกากรผู้มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของรัฐโดยการเก็บภาษีนำเข้า และบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota โดยประเด็นแห่งคดีที่สำคัญคือการตีความว่าชิ้นส่วนของ Toyota Prius ที่ Toyota Motors Thailand นำเข้ามานั้น สามารถเข้ากรณีลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 และมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) ได้หรือไม่

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 สำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบพบว่า บริษัท Toyota Motors Thailand ใช้สิทธิสำแดงชนิด และประเภทสินค้าไม่ถูกต้อง จึงได้แจ้งประเมินภาษีใบขน รวมเป็นเงินทั้งหมด 11,639,786,094.84 บาท ไปยังบริษัท แต่ทางบริษัทก็โต้แย้งว่าตนสำแดงถูกต้อง และเข้ากรณีที่ได้ลดอัตราภาษีตาม JTEPA

ล่าสุดในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร ตุลาการในคดีมีเห็นว่า ชิ้นส่วนรถยนต์ที่โจทก์นําเข้าเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว จะมีลักษณะอันเป็นสาระสําคัญของรถยนต์ Toyota Prius และสามารถนําไปประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส ได้ทันที จึงต้องจัดให้อยู่ในประเภท “ชิ้นส่วนที่สมบูรณ์หรือสําเร็จแล้ว” พิกัด 8703.23.51(ตามช่วงที่นำเข้า) ซึ่งต้องจ่ายภาษีในอัตรา 80%  เช่นนี้จึงไม่เข้ากรณีที่จะได้รับการลดอัตราภาษีตาม JTEPA

ด้าน Toyota ออกมายอมรับผลของคำพิพากษาผ่านทางเว็ปไซต์ โดยมีใจความสำคัญว่าทาง Toyota น้อมรับคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยมีคำชี้แจงดังนี้

สมุทรปราการ ประเทศไทย วันที่ 15 กันยายน 2565 – วันนี้ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาคดีพรีอุส ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการตีความอัตราอากรขาเข้าสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จึงใคร่ขอแถลงการณ์เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าวดังต่อไปนี้

“บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (“บริษัทฯ“) ขอแสดงความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนี้มีประเด็นเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมายซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน และเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น กล่าวคือ บริษัทฯ ได้ใช้สิทธิประโยชน์ตามอนุสัญญาระหว่างสองประเทศ ที่เรียกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) เพื่อลดอัตราอากรขาเข้าในการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส ซึ่งในปี 2553 หน่วยงานราชการของไทยที่เกี่ยวข้องได้อนุมัติการใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างถูกต้องมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2555 กรมศุลกากรได้ตีความกฎการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุสในแนวทางซึ่งแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีภาระภาษีและอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ได้ตีความในแนวทางเดียวกันกับการตีความของกรมศุลกากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว บริษัทฯ จะศึกษารายละเอียดของคำพิพากษา และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ต่อไป

บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยึดมั่นที่จะประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยและพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยได้รับความพึงพอใจสูงสุด และเพื่อส่งเสริมพันธกิจขององค์กรในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย”