Nio ค่ายรถ EV จากจีนที่กำลังมาแรง เปิดตัวรถไปแล้วกว่า 5 รุ่น แบ่งเป็น รถซีดาน 2 รุ่น ได้แก่ ET5 และ ET7 รถ SUV 3 รุ่น ได้แก่ ES6 ES8 และ EC6 (SUV ทรง Coupe) จนกระทั่งเปิดตัว ES7 รถ SUV ขนาดกลาง ที่อยู่ระหว่าง Tesla Model X และ Model Y งานออกแบบโดยรวมยังคงอ้างอิงเพื่อนร่วมค่าย
ด้านหน้ามาพร้อมกันชนแบบปิด บ่งบอกความเป็นรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ไฟหน้า 2 ชิ้น แยกส่วน ชิ้นบนแนวนอนเป็นไฟเลี้ยวและไฟ DRL แบบ LED ในขณะที่ชิ้นล่างแนวตั้ง มาพร้อมกับไฟ Dual-beam LED พร้อมการวางเซนเซอร์ที่รองรับการทำงานของระบบช่วยเหลือต่างๆ ADAS ไว้ที่ด้านบนหลังคาด้านหน้าเป็นครั้งแรกที่ Nio เรียกว่า watchtower พร้อมกล้องหลังติดตั้งตรงหลังคาในตำแหน่งเดียวกับเสาอากาศแบบครีบฉลามของรถทั่วไป
ด้านข้างเส้นสายเรียบง่าย แต่ขยายให้รถมีมิติใหญ่เกินตัวเลข พร้อมมือเปิดประตูแบบซ่อนรูปเพื่อลดแรงต้านอากาศ ไฟท้ายแบบเรียวยาวและเป็นไฟ LED ชิ้นบางที่กำลังเป็นที่นิยม ประกอบไปด้วยไฟ LED จำนวน 202 แบบ crystal-cut ดวง ที่ถูกควบคุมอย่างอิสระ เพื่อสร้าง Animation การเคลื่อนไหวของแสงไฟได้
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,912 มม.
- ความกว้าง: 1,987 มม.
- ความสูง: 1,720 มม.
- ฐานล้อ: 2,960 มม.
ภายในมาพร้อมจอ Infotainment ขนาด 12.8 นิ้วแนว Portrait พร้อมการเชื่อมต่อแบบครบครัน 5G Bluetooth 5.2 WiFi 6 Hotspot รวมไปถึง NFC จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Head-up display แบบ 260,000 สี ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos Surround 7.1.4 Channel และผู้ช่วยส่วนตัว NOMI
อีกหนึ่งจุดเด่นคือเบาะนั่งแถวหลังสามารถปรับเอนได้ด้วยไฟฟ้าระหว่าง 23 – 31 องศา ด้วยปุ่มปรับติดตั้งในตำแหน่งเหมือนเบาะคู่หน้า พร้อมระบบอุ่นเบาะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเบาะผู้โดยสารตอนหน้าแบบ VIP seat ที่มาครบทั้งส่วนรองต้นขาแบบปรับระดับได้ และที่พักเท้าด้านล่าง ระบบจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า V2L รวมไปถึงรถพ่วงด้านท้าย
แบตเตอรี่มีให้เลือกถึง 3 ความจุ ตั้งแต่ 75 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 485 กิโลเมตร 100 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 620 กิโลเมตร และ 150 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 850 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC
ทั้ง 3 รูปแบบ ใช้มอเตอร์คู่ มอเตอร์ที่ล้อคู่หน้าให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า (PS) มอเตอร์ที่ล้อคู่หลังให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า (PS) ให้กำลังสูงสุดกว่า 653 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที
ระบบช่วงล่าง Smart Air Suspension และ Continuous Damping Control (CDC) ที่สามารถปรับแต่งได้ตามสภาวะถนนและมีการประมาลผลในอัตราเร็วถึง 500 ครั้งต่อนาที พร้อมระบบปรับความสูงช่วงล่างอัตโนมัติ หรือปรับเซ็ตได้ 5 ตำแหน่งจากโรงงาน
ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ H-arm พร้อมระบบเบรกคู่หน้าจาก Brembo คาลิปเปอร์จำนวน 4 ลูกสูบ ทำให้ระยะเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 33.9 เมตร
Nio ES7 เตรียมวางจำหน่ายในประเทศจีนเป็นที่แรกและพร้อมให้สั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป และจะพร้อมส่งมอบในเดือนสิงหาคม 2022 ในขณะที่ตลาดต่างประเทศจะเริ่มวางจำหน่ายภายในปี 2025 นี้ ตามแผนการขยายธุรกิจของ Nio
ที่มา: Drive.com.au