BYD Seal ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นหนึ่งที่มาแรงแซงทุกโค้งในขณะนี้ ยืนยันได้จากยอดสั่งจองล่วงหน้าในประเทศจีนที่พุ่งทะลุสูงถึง 22,637 คัน ภายในระยะเวลา 6 ชั่วโมงเท่านั้น นั่นทำให้เป้าที่พวกเขาตั้งเอาไว้แต่แรกว่าจะผลิต Seal ณ โรงงาน Changzhou ที่มณฑล Jiangsu ให้ได้จำนวน 60,000 คันต่อเดือน ดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของลูกค้าที่ล้นหลามขนาดนี้
BYD Seal มีขนาดตัวถังใกล้เคียงกับ Tesla Model 3 ดังนี้
- ความยาว : 4,800 มิลลิเมตร
- ความกว้าง : 1,875 มิลลิเมตร
- ความสูง : 1,460 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,920 มิลลิเมตร
ตัวถังภายนอกมีรูปทรงและเส้นสายที่ดูลื่นไหล ตลอดจนดีไซน์ของชุดไฟหน้า ช่องดักลมกันชนหน้าทรงห้าเหลี่ยม และชุดไฟท้าย LED แนวยาว ที่ดูปราดเปรียว นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงด้านอากาศพลศาสตร์ที่มีส่วนช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น สังเกตได้จากด้านข้างที่มีแนวหลังคาลาดลงไปสไตล์รถ Coupe มือจับเปิดประตูแบบฝั่งเรียบลงไปบนตัวถัง รวมถึงสปอร์ตกับดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
ภายในห้องโดยสารตกแต่งโดยใช้โทนสีฟ้าอ่อน ตัดสลับกับวัสดุสีดำคริสตัล และสีเทา ทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็น แผงแดชบอร์ดด้านหน้า แผงด้านข้างประตู หรือแม้กระทั่งรูปทรงของเบาะนั่ง มีเส้นสายที่พริ้วไหวดั่งสายน้ำ ยกเว้นหน้าจอกลางทรง 4 เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ที่สามารถปรับทิศทางแนวตั้ง-นอนได้ รวมถึงหน้าจอมาตรวัดฝั่งผู้ขับขี่มีขนาดกำลังดี ไม่รบกวนสายตาและทัศนวิสัยด้านหน้า ทำงานร่วมกับจอ Head-up display บนกระจกบังลมหน้า
BYD Seal ที่ออกจำหน่ายในประเทศจีน เบื้องต้นมีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่
Standard Range (Elite)
- แบตเตอรี่ความจุ 61.44 kWh
- มอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 201 แรงม้า (HP)
- ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 550 km. (มาตรฐาน CLTC)
Standard Range (Premium)
- แบตเตอรี่ความจุ 61.44 kWh
- มอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 201 แรงม้า (HP)
- ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 550 km. (มาตรฐาน CLTC)
Long Range
- แบตเตอรี่ความจุ 82.56 kWh
- มอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 308 แรงม้า (HP)
- ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 700 km. (มาตรฐาน CLTC)
Performance
- แบตเตอรี่ความจุ 82.56 kWh
- มอเตอร์คู่ กำลังสูงสุด 523 แรงม้า (HP)
- ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
- ระยะทางวิ่งสูงสุด 650 km. (มาตรฐาน CLTC)
หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศจีนแล้ว BYD Seal จะถูกส่งเข้าไปทำตลาดออสเตรเลีย ภายใต้ชื่อ Atto ส่วนภูมิภาคอื่นๆ ยังคงต้องรอลุ้นและติดตามกันต่อไป
ที่มา : CarNewsChina