Land Rover เปิดตัว Range Rover โฉมใหม่หมดจดไปเมื่อเดือนตุลาคม 2021 ด้วยการนำเสนองานออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความทันสมัย เช่นการติดตั้งมือจับประตูแบบซ่อนรูป เหมือนดั่งเพื่อนร่วมค่ายรุ่นอื่นๆ และก็ถึงเวลาของรุ่นที่มีขนาดเล็กลงและเติมความเพรียวลมอย่าง Range Rover Sport ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว หลังจากรุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปี 2004 ตามกระแสนิยมของ SUV หรูที่มีขนาดใกล้เคียงกับ BMW X5 Mercedes-Benz GLE

Range Rover Sport รุ่นที่ 3 เปลี่ยนมาใช้ Platform MLA ซึ่งเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างตัวถัง พร้อมทางเลือกขุมพลังที่หลากหลายยิ่งขึ้น ปรับปรุงระบบการควบคุมและช่วงล่าง รวมไปถึงการติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆ อัดแน่นทั่วคัน ไฮไลท์สำคัญก็คือการเพิ่มทางเลือกขุมพลังไฟฟ้า 100% ตามหลังรุ่นพี่ Range Rover ที่ใกล้เปิดตัวเต็มทีแล้ว

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมไฟหน้า LED แบบเรียบง่ายแต่ติดตั้งไฟ DRL ให้ลุคแบบ Crystal ที่บางที่สุดตั้งแต่ Land Rover เคยทำมา กันชนหน้าขนาดใหญ่แบ่งช่องดักลมออกแบบ 2 ส่วน บนล่าง คั่นด้วยทะเบียน พร้อมช่องดักลมด้านข้างขนาดใหญ่ ไฮไลท์อยู่ที่ค่าสัมประสิทธ์แรงต้านอากาศ (cd) เพียงแค่ 0.29 ด้วยความเรียบร้อยของเส้นสายรถทั้งคัน และปิดท้ายด้วยฝาท้ายที่มีความแตกต่างจาก Range Rover อย่างชัดเจน ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ไฟท้ายแนวนอนเหมือนรุ่นอื่นๆ ในค่าย พร้อมการติดตั้งเส้นคาดและโลโก้รุ่นทำให้ด้านท้ายไม่ดูเรียบจนเกินไปและเพิ่มมิติให้รถดูกว้างขึ้น

 

มิติตัวถัง:

  • ความยาว: 4,946 มม.
  • ความกว้าง: 2,047 มม.
  • ความสูง: 1,820 มม.
  • ฐานล้อ: 2,997 มม.

 

ภายในจัดเต็มด้วยวัสดุและงานออกแบบหรูหราที่ยังคงไว้ซึ่งปุ่มควบคุมต่างๆ ในปริมาณที่เยอะกว่ารถยนต์หรูรุ่นใหม่ๆ เนื่องจาก Land Rover ต้องการให้การควบคุมต่างๆ ทำได้โดยไม่ต้องละสายตาหรือเสียสมาธิยามขับขี่ ด้วยหน้าจอมาตรวัด Pivi Pro ขนาดใหญ่ถึง 13.7 นิ้ว ความละเอียดสูง ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ

หน้าจอกลาง Pivi Pro ขนาด 13.1 นิ้ว ติดตั้ง Amazon Alexa ที่ทำงานร่วมกับ Home automation ได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้การนำรถเข้าบ้านสามารถสั่งงานเปิด-ปิดประตูรั้ว รวมทั้งไฟส่องสว่างต่างๆ ผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ใช้ AI ในการประมวลผล นอกจากนี้ยังติดตั้ง Wireless Apple CarPlay® และ Wireless Android พร้อมการเชื่อมต่อด้วย eSIM และ Wireless charger 15W

ระบบปฏิบัติการ Electrical Vehicle Architecture 2.0 ทำให้สามารถอัพเดทระบบภายในตัวรถกว่า 63 โมดูล แบบ Over-The-Air

 

ระบบกรองอากาศ Cabin Air Purification Pro with PM2.5 Filtration and nanoe X ที่ช่วยลดกลิ่นอับ แบคทีเรียและไวรัสที่ลอยอยู่ในอากาศ แม้กระทั่ง SARS-CoV-2 virus ด้วยหลักการปล่อยประจุและใช้ Hydroxyl ขนาดเล็กระดับนาโน ทำปฏิกิริยากับสิ่งปฏิกูลในอากาศ ซิ่งจะติดตั้งทั้งห้องโดยสารด้านหน้าและด้านหลัง

ระบบเครื่องเสียงจาก Advanced Meridian Audio มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ รุ่นปกติ 15 ลำโพง 1 ซับวูฟเฟอร์ กำลังขับสูงสุด 400W รุ่น 3D ที่ใช้การติดตั้งลำโพงแบบซ่อนบนแผงหลังคา รวมทั้งหมด 18 ลำโพง 1 ซับวูฟเฟอร์ กำลังขับสูงสุด 800W และ Advanced Meridian Audio ติดตั้งลำโพงจำนวน 29 ชิ้น กำลังขับสูงสุด 1,430W

 

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

เครื่องยนต์ดีเซล

D250
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 24 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร (2,997 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.31 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ผ่านระบบราง Common-Rail ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250-2,250 รอบ/นาที

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 206 กม./ชม.

D300
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 24 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร (2,997 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.31 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ผ่านระบบราง Common-Rail ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 218 กม./ชม.

D350
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 24 วาล์ว ขนาด 3.0 ลิตร (2,997 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.31 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ผ่านระบบราง Common-Rail ให้กำลังสูงสุด 350 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,000 รอบ/นาที

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 234 กม./ชม.

ทั้ง 3 เครื่องยนต์สามารถจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 48V เพื่อเป็นระบบ Mild-hybrid เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองและมลภาวะ โดยที่ไม่ได้ส่งผลให้ตัวเลขพละกำลังและสมรรถนะมีการเปลี่ยนแปลง

 

รุ่นเบนซิน Mild hybrid

P360
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (2,996 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 360 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 5,000 รอบ/นาที

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม.

P400
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (2,996 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 400 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 5,000 รอบ/นาที

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม.

 

เบนซิน Plug-in Hybrid

P440e

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (2,996 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 440 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 5,000 รอบ/นาที

พ่วงมอเตอร์กำลังสูงสุด 143 แรงม้า (PS) แบตเตอรี่ขนาด 38.2 kWh ระบบชาร์จไฟ AC home charge 7kW และ DC rapid charge 50kW ที่ชาร์จจาก 0-80% ภายใน 40 นาที สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. ในโหมด EV มีระยะทางวิ่งในโหมด EV ต่อ 1 การชาร์จเต็มที่ 114 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม.

P510e

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (2,996 ซีซี) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 510 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 5,000 รอบ/นาที

พ่วงมอเตอร์กำลังสูงสุด 143 แรงม้า (PS) แบตเตอรี่ขนาด 38.2 kWh ระบบชาร์จไฟ AC home charge 7kW และ DC rapid charge 50kW ที่ชาร์จจาก 0-80% ภายใน 40 นาที สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. ในโหมด EV มีระยะทางวิ่งในโหมด EV ต่อ 1 การชาร์จเต็มที่ 113 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม.

 

เครื่องยนต์เบนซิน V8

P530

เครื่องยนต์เบนซินจาก BMW V8 DOHC 32 วาล์วขนาด 4.4 ลิตร (4,395 ซีซี) กระบอกสูบ x ช่วงชัก 89 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Twin-Turbocharger พ่วง Intercooler พร้อมระบบ Double VANOS และ Valvetronic ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า (PS) ที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 4,600 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

ทุกรุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะจาก ZF พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Intelligent All-Wheel Drive (iAWD) พร้อมระบบ Adaptive Off-Road Cruise Control เป็นครั้งแรก ที่จะช่วยควบคุมความเร็วรถ ทำให้ผู้ขับขี่ใช้สมาธิกับเพียงแค่การบังคับเลี้ยว พร้อมโหมดการขับขี่ Normal และ Dynamic พร้อม Launch Mode

 

ระบบบังคับเลี้ยว

Rack and pinion ผ่อนแรงด้วยพาวเวอร์ไฟฟ้า ePAS ปรับอัตราทดได้ พร้อมติดตั้งระบบเลี้ยว 4 ล้อ ได้สูงสุด 7.3 องศา สามารถลดขนาดวงเลี้ยวได้เหลือเพียง 5.5 เมตร

ระบบ Dynamic Response Pro ช่วยจัดการกับการทรงตัวของรถได้แม่นยำกว่าระบบไฮดรอลิค ด้วยความไวในการตอบสนองของระบบไฟฟ้า 48 Volt

ระบบกันสะเทือน

ระบบช่วงล่างถุงลม Dynamic Air Suspension พร้อมระบบปรับช่วงล่างตามเส้นทางจากฐานข้อมูลระบบนำทาง eHorizon

ล้ออัลลอยขนาดมาตรฐานตั้งแต่ 21 -23 นิ้ว

 

ระบบห้ามล้อ

  • ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
  • จานเบรกคู่หน้ามีครีบระบายความร้อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 380 มิลลิเมตร ส่วนจานเบรกคู่หลังมีครีบระบายความร้อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 355 มิลลิเมตรสำหรับรุ่น Mild hybrid และ เครื่องยนต์ดีเซล
  • จานเบรกคู่หน้ามีครีบระบายความร้อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 400 มิลลิเมตร ส่วนจานเบรกคู่หลังมีครีบระบายความร้อน เส้นผ่าศูนย์กลาง 370 มิลลิเมตรสำหรับรุ่น Plug-in hybrid และ เครื่องยนต์เบนซิน V8

 

Range Rover Sport จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในเมือง Solihull ประเทศอังกฤษ ที่เดียวกับรุ่นพี่อย่าง Range Rover และพร้อมให้จับจองแล้วด้วยราคาเริ่มต้นในสหราชอาณาจักรที่ 79,125 ปอนด์ (3.5 ล้านบาท)

ที่มา: Land Rover