Vinesh Bhindi นายใหญ่ของ Mazda ออสเตรเลีย ได้พูดถึงแนวทางของบริษัทซึ่งยังเห็นโอกาสของการทำตลาดรวมทั้งการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งเบนซินและดีเซล ถึงแม้บรรดาค่ายรถจะเมินหนีและหันไปหาขุมพลังไฟฟ้า 100% กันถ้วนหน้า
Mazda ยังต้องการมีทางเลือกเครื่องยนต์เหล่านี้ให้กับลูกค้าของตน นอกไปจากขุมพลัง Hybrid Plug-in hybrid และ BEVโดยเฉพาะตลาดที่ยังขาดแคลนโรงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟรถยนต์ รวมไปถึงการขาดการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ
ยกตัวอย่างเช่นประเทศออสเตรเลีย ที่ทางรัฐบาลกำหนดแนวทาง Net Zero เพื่อให้มลภาวะเป็น 0 ในปี 2050 เนื่องจากยังคงต้องพึ่งพาขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก ดังเช่นประเทศอีกจำนวนมาก ในขณะที่บางประเทศพยายามจะดันรถ EV อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการสนับสนุนทั้งนโยบายและทรัพยากรในการผลิตต่างๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่สำหรับประเทศออสเตรเลียในปัจจุบัน
Mazda ออสเตรเลียจึงยังวางจำหน่ายเครื่องยนต์สันดาปภายใน ภายใต้เทคโนโลยีที่ช่วยลดมลภาวะรูปแบบต่างๆ ควบคู่กับทางเลือกที่พ่วงระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบในอนาคตอันใกล้นี้
เริ่มจากปี 2025 Mazda เตรียมวางจำหน่ายรถ Hybrid ทั้งหมด 5 รุ่น และ Plug-in hybrid อีก 5 รุ่น รวมทั้งรถ EV อีก 3 รุ่น หลังจากนั้นเป็นต้นไป Mazda จะหันไปโฟกัสรถ EV ที่สร้างบน Platform เฉพาะ ที่เตรียมวางจำหน่ายในช่วง 10 ปีให้หลัง
Mazda ตั้งเป้าให้ยอดขายกว่า 25% ของปี 2030 มาจากรถ EV ซึ่งแตกต่างกับแบรนด์อื่นๆ เช่น Ford Mercedes-Benz และ Volvo ที่ในเวลานั้น จะไม่มีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอีกเลย
Mazda ได้แนะนำเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.3 ลิตร และ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร สำหรับ Platform ขับเคลื่อนล้อหลังเริ่มที่รุ่น CX-60 ซึ่งถือว่าเป็นจุดยืนที่ชัดเจน ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ยกเลิกการพัฒนาหรือการเข็นขุมพลังตัวใหม่ออกมาแล้วในปัจจุบัน
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีเครื่องยนต์สันดาปภายในบล๊อคอื่นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ Rotary ที่ Mazda มีความเชี่ยวชาญและเตรียมนำมาใช้กับรถยนต์ Hybrid ในรูปแบบเครื่องปั่นไฟในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา: Drive.au