หลังจาก Ford ได้เปิดตัว All-new Ranger ที่ใช้พื้นฐานตัวถังจากรุ่น T6 ก่อนหน้ามาปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและรองรับขุมพลังได้หลากหลายทั้งเบนซิน ดีเซล Plug-in Hybrig หรือ PHEV ซึ่ง Ranger รุ่นใหม่นี้ยังมีแฝดคนละฝาที่ร่วมกันพัฒนาคู่ขนานกันอย่าง Volkswagen Amarok ที่จะเปิดตัวตามหลัง Ford ในเร็วๆ นี้ แต่ทางฝั่ง Volkswagen จะเตรียมขุมพลังไฟฟ้า 100% หรือ EV ไว้ในอนาคตอีกด้วย
หากพูดถึงรายละเอียดของรถทั้ง 2 รุ่น ที่เป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง Volkswagen และ Ford ที่เป็นการนำจุดแข็งและความถนัดของแต่ละฝ่ายมารวมกันให้รถรุ่นใหม่มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องออกแบบให้มีความแตกต่างไม่ใช่แค่เพียงการ Rebadged เพื่อให้ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้หลากหลายและเน้นเจาะไปคนละกลุ่มตลาด
ถึงแม้จะถูกออกแบบจาก 2 บริษัทที่ตั้งอยู่คนละทวีป เนื่องจาก Volkswagen มีศูนย์พัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่เมือง Wolfsburg ประเทศเยอรมัน ในขณะที่ Ford อยู่ที่ Victoria ประเทศออสเตรเลีย แต่การผลิตของ Volkswagen Amarok จะใช้โรงงาน Ford ที่ประเทศแอฟริกาใต้

Lars Krause สมาชิกบอร์ด Volkswagen Commercial Vehicle ได้ตั้งเป้าหมายที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า ซึ่งทำผลงานด้านคุณภาพชิ้นส่วนภายในและมีการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งได้ทำตลาดตั้งแต่ปี 2010-2020 จึงทำให้ Volkswagen มีส่วนในการยกระดับคุณภาพของทั้ง Amarok และ Ranger ไปพร้อมกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะดีกว่า Volkswagen สร้าง Amarok ใหม่เพียงผู้เดียว
แต่หากพูดถึงความแตกต่างและเรื่องราวระหว่างการพัฒนาทั้ง 2 รุ่น ขอยกเป็นประเด็นดังนี้
Volkswagen เป็นแม่งานด้าน Interior
เนื่องจาก Volkswagen มีประสบการณ์ด้านการออกแบบภายในที่มีคุณภาพจากการเลือกใช้วัสดุและพลาสติกที่มีผิวเกรนที่ออกแบบเป็นพิเศษ ทำให้ Amarok และ Ranger ใหม่ จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีส่วนนี้จาก Volkswagen


มีเพียงมือจับประตู กระจกมองข้าง ชิ้นส่วนหลังคาและกระจกรอบคันที่ใช้ร่วมกัน
งานออกแบบภายนอกของ Amarok ที่ถูกบรรจงมาอย่างพิถีพิถัน จึงเป็นที่มาของความแตกต่างกับ Ranger มากกว่าที่หลายคนคิด ซึ่ง Volkswagen ได้ยึดแนวทางการออกแบบของตนเองเป็นหลัก โดยยังคงมีกลิ่นอายของรุ่นก่อนหน้าไว้อยู่บ้าง




ภายในที่แตกต่าง
Volkswagen ได้ใส่ใจกับรายละเอียดภายใน ที่ถึงแม้จะใช้ชิ้นส่วนคอนโซลหน้าและปุ่มควบคุมต่างๆ ร่วมกัน แต่ Volkswagen ได้ให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับวัสดุภายใน ทั้งสัมผัสและการออกแบบการใช้งาน เริ่มจากพวงมาลัยหุ้มหนังที่หยิบยืมมาจากโมเดลอื่นๆในค่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งปุ่มควบคุมต่างๆ แทนที่จะใช้จอกลางควบคุมทั้งหมด
จุดที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ คอนโซลที่คั่นกลางระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าทั้งสอง ใช้วัสดุหนังหุ้มและพลาสติกที่แตกต่าง และยังมีชิ้นส่วนด้านบนของคอนโซลหน้าที่ Volkswagen ออกแบบให้แตกต่าง



หน้าจอมาตรวัตและจอกลางใช้ร่วมกัน ปรับแต่ง Interface นิดหน่อย
Ford Ranger มีหน้าจอมาตรวัดขนาด 8 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งจอกลางขนาด 12 นิ้ว ภายใต้ระบบ SYNC 4A ซึ่ง Volkswagen กล่าวว่าจะใช้ชิ้นส่วนจอร่วมกัน ทั้ง 2 ส่วน แต่จะได้รับการปรับแต่งในส่วนกราฟิกแสดงผล ให้แตกต่างและเป็นไปตามแนวทางของ Volkswagen
นอกจากนี้ปุ่มควบคุมกระจกหน้าต่างไฟฟ้าและกระจกมองข้างที่ติดตั้งตรงแผงประตูคนขับ รวมไปถึงปุ่มควบคุมที่แผงคอนโซลกลาง จะใช้ชิ้นส่วนของ Volkswagen เอง
นอกจากนี้ยังมี Digital key ที่ใช้เทคโนโลยีร่วมกัน แต่ VW จะออกแบบให้ตัว Case ด้านนอกของกุญแจมีความแตกต่างจาก Ford






ด้านขุมพลัง Volkswagen กล่าวว่าจะใช้ขุมพลังดีเซล V6 บล๊อคใหม่ เป็นหนึ่งใน 5 ขุมพลังทั้งหมด ที่มีความจุตั้งแต่ 2.0-3.0 ลิตร โดยมีเครื่องยนต์เบนซินเพียงบล๊อคเดียวให้เลือก ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนจะมีทั้งแบบ 2 ล้อหลังและ 4 ล้อ แบบ OnDemand หรือ Permanent all-wheel drive
ท้ายที่สุดแล้วทั้ง 2 รุ่น จะมีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหน เมื่อมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2022 Headlightmag จะนำมารายงานอีกครั้ง
————————///————————
ที่มา: Drive , Volkswagen