Polestar 2 ปรับโฉมเล็กน้อย พร้อมอัพเกรดความจุแบตเตอรี่และ Fast charge ในรุ่น Single motor
หลังจากเปิดตัวในตลาดโลกด้วยรุ่นมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตั้งแต่กลางปี 2019 และเริ่มวางจำหน่ายจริงในช่วงกลางปี 2020 Polestar 2 ก็ ทยอยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้นตั้งแต่ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว Standard range และ Long range ตามกันมาติดๆ
และเมื่อไม่นานมานี้ Volvo ได้ปรับโฉม XC40 เพื่อให้สอดรับกับงานออกแบบใหม่ของ C40 ที่เปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อย ก็ถึงคราวของ Polestar 2 ที่ใช้พื้นฐาน CMA Platform เดียวกัน เพิ่มความสดใหม่อีกเล็กน้อยตามอายุการตลาด
การปรับปรุงครั้งนี้จะเน้นไปที่การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ทั้งการลดปริมาณ CO2e ที่เกิดจากกระบวนการผลิต การเลือกใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากแหล่งพลังงานใหม่ เช่น การใช้ อลูมิเนียมในชิ้นส่วนถาดรองแบตเตอรี่ การเพิ่มความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchainตรวจสอบแหล่งที่มาของแร่พิเศษที่เพิ่ม แร่ไมก้า นอกเหนือจาก โคบอลต์ ที่ Volvo และ Polestar ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019
อีกหนึ่งไฮไลท์ คือ การเปลี่ยนมาใช้วัสดุ Low-carbon aluminium ที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน สำหรับล้ออัลลอย ทำให้ลดปริมาณ CO2e ได้ถึง 600 กิโลกรัม ต่อคัน และเมื่อรวมกับการเปลี่ยนไปใช้วัสดุ Aluminium ที่ถาดรองแบตเตอรี่ ที่สามารถลดเพิ่มได้อีก 750 กิโลกรัม ต่อคัน รวมทั้งหมดเป็น 1,350 กิโลกรัม ต่อคัน
งานออกแบบภายนอกยังคงอ้างอิงจากรุ่นปัจจุบัน จะมีการเพิ่มเติมและเปลี่ยนตามรายละเอียดดังนี้
- สีภายนอกใหม่ 2 สี ได้แก่ สีดำเมลทัลลิค Space (แทนทีสีดำ Void) และสีทอง-เทา Jupiter (แทนสีเทาอ่อน Moon)
- ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และ 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
สำหรับภายในก็ปรับมาใช้วัสดุที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน และสามารถนำไปรีไซเคิลภายหลังได้ รวมไปถึงวัสดุที่สร้างจากกระบวนการรีไซเคิล พร้อมวัสดุหุ้มเบาะแบบ Vegan friendly เป็นออฟชั่น แต่ยังมีหนัง Nappa ผลิตจากกระบวนการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้เลือกเพิ่มเติมอีกด้วย
ในส่วนของอุปกรณ์ภายใน จะมีการเพิ่มเติมและเปลี่ยนตามรายละเอียดดังนี้
- สีเบาะนั่ง Zinc ใหม่สำหรับเบาะหนัง Nappa แบบเจาะรูระบาย (ทดแทนแบบ Barley)
- วัสดุตกแต่งภายในไม้แบบ Light Ash เป็นออฟชั่น ติดตั้งร่วมกับเบาะนั่งหนัง Nappa
- แผ่นบังแสงแบบถอดเก็บได้ให้กับหลังคากระจก Glass roof (รุ่นปัจจุบันไม่มี ทาง Polestar แจ้งว่า สามารถสั่งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ภายหลัง)
- ติดตั้งระบบ Heat pump เป็นออฟชั่นเสริม
- แผ่นกรองอากาศ Advanced cabin filter พร้อมอัพเกรดเซนเซอร์ตรวจจับ PM2.5 ที่สามารถเลือกติดตั้งระบบตรวจสอบค่าคุณภาพอากาศภายในรถได้ผ่านแอพพลิเคชั่นในตัวรถ เป็นออฟชั่นเสริม
รุ่นมอเตอร์เดี่ยว Standard range ได้อัพเกรดทั้งความจุแบตเตอรี่จาก 64 kWh เป็น 69 kWh ทำให้เพิ่มระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้งเป็น 474 กิโลมเตร ตามมาตรฐาน WLTP เพิ่มกำลังการชาร์จสูงสุดด้วยไฟกระแสตรง DC จาก 115 kW เป็น 130 kW
- พร้อมเพิ่มกำลังสูงสุดจาก 224 แรงม้า (PS) เป็น 231 แรงม้า (PS)
- ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.0 วินาที
รุ่นมอเตอร์เดี่ยว Long range และ มอเตอร์คู่ ยังคงใช้แบตเตอรี่ขนาด 78 kWh เช่นเดิม
ด้านขุมพลังรุ่นมอเตอร์คู่ Long range สามารถติดตั้ง Performance package
- เพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 476 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 680 นิวตัน-เมตร
- ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.2 วินาที
2023 Polestar 2 สามารถสั่งจองได้ทาง Official Website และจะพร้อมส่งมอบเดือน กันยายน 2022 นี้
ที่มา: Polestar