หลังจากที่บรรดาค่ายรถต่างอัดแน่นออฟชั่นต่างๆ ที่ต้องใช้บริการฐานข้อมูลหรือการสื่อสารระยะไกลจากผู้ผลิตหรือศูนย์ควบคุม สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ค่าบริการรายเดือนที่ตกเป็นภาระให้กับลูกค้า แต่พวกเค้าไม่ได้สนใจเลยว่า สิ่งที่ทำเลียนแบบกันเช่นนี้ ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายหรือไม่

ตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นในอเมริกาเหนือ ได้แก่ Volkswagen เตรียมชาร์จค่าใช้งานระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Toyota ก็ตั้งใจที่จะเก็บค่าบริการระบบสตาร์ทด้วยรีโมท รวมไปถึง Audi และ BMW ในขณะที่ Stellantis วางแผนหารายได้จากค่าบริการเหล่านี้อีกกว่า 23 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ถึงเวลาแล้วที่จะมีการสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภค ว่าแท้จริงแล้ว พวกเค้าแฮปปี้กับสิ่งนี้หรือไม่!

ด้าน Cox Automotive ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 217 ราย เมื่อต้นปี 2022 นี้ พบว่า มีเพียง 25% เท่านั้น ที่ยินยอมจะจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมเหล่านี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ ในขณะที่ 75% เหลือพร้อมใจกัน Say no เนื่องจากเป็นออฟชั่นที่ติดตั้งในตัวรถมาอยู่แล้ว ดังนั้นควรจะคิดราคาข้าวของต่างๆรวมไปกับราคารถใหม่ไปเสียทีเดียว

และหากจำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้ออฟชั่นที่ครบครัน ผลสำรวจได้รวบรวม 3 อันดับแรกของฟีเจอร์ที่ลูกค้ายินดีที่จะเปย์ให้กับบริษัทรถยนต์หากพวกเค้าคิดเงินในส่วนนั้นๆ ได้แก่

  • ระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งกีดขวางและระบบ Active Safety อื่นๆ จากผลสำรวจ นอกจากสัดส่วนของลูกค้ากว่า 80% ยินดีที่จะจ่ายให้กับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีงบรายเดือนให้สูงถึง เดือนละ 30-35 เหรียญสหรัฐ (1,020-1,200 บาท) สูงที่สุดจากประเภทออฟชั่นทั้งหมด
  • อัพเกรดประสิทธิภาพเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การจูนเพื่อเพิ่มแรงม้าและแรงบิดให้กับรถคันโปรด การติดตั้ง Software เพิ่มเติมผ่านช่องทาง Over-the-air (OTA) ระบบติดตามตัวรถเพื่อป้องกันการโจรกรรม รวมไปถึงโปรแกรมการดูแลสภาวะการทำงานของรถยนต์ให้อยู่ภายใต้การบำรุงรักษาที่เหมาะสม และที่มาแรงในยุคของรถ EV ก็คือ การอัพเกรดเพิ่มระยะทางต่อการชาร์จให้สูงขึ้น
  • ออฟชั่นเพิ่มความสะดวกสบาย เช่น ระบบอุ่นและระบายความร้อนให้กับเบาะนั่ง ระบบ Wi-Fi hotspot ในห้องโดยสาร รวมทั้งการปรับแต่งภายนอก-ภายใน เพื่อให้สะท้อนบุคลิคของเจ้าของรถ แต่จะเน้นไปที่ภายในเป็นหลัก

ทั้งนี้ ทางผู้ผลิตรถยนต์จะได้ยินเสียงตอบรับในเชิงลบเหล่านี้หรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้ในตอนนี้ ยิ่งบรรดาค่ายรถเตรียมเข็นกองทัพรถ EV ซึ่งจะมีระบบ OTA ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อการอัพเกรดฟีเจอร์ต่างๆ ได้ในอนาคต ทางผู้ผลิตจึงหันมาหารายได้จากการอัพเกรดเหล่านี้ เพื่อทดแทนค่าบริการเช็คระยะ ซึ่งรถที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้า 100% จะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้น้อยลงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในพอสมควร

ที่มา: Jalopnick