Subaru USA เปิดตัว Outback รุ่นปรับโฉมที่มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ย่อย Base Premium Onyx Edition Wilderness Limited และ Touring โดยรุ่น XT และ Wilderness มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร turbo เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และยังมีเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เบนซิน NA สำหรับรุ่น Base Premium และ Onyx Edition
ด้านหน้ามาพร้อมกันชนหน้าใหม่ ขยายขนาดกระจังหน้าให้ใหญ่ขึ้น เปลี่ยนงานออกแบบโป่งซุ้มล้อและชิ้นส่วนตกแต่งกันชนต่างๆ พร้อมไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ ด้านข้างมากับชายล่างประตูที่เสริมความดุดัน พร้อมการปกป้องขณะลุยได้ดียิ่งขึ้น
ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Hands-Free Power Gate เป็นออฟชั่นเสริม ราวหลังคาพร้อม Cross bar แบบถอดแยกได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยที่รุ่น Wilderness จะแปลี่ยนเป็นแบบแข็งแรงยิ่งขึ้นเพื่อรองรับ Roof tent
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,860มม.
- ความกว้าง: 1,855 มม.
- ความสูง: 1,680 มม.
- ฐานล้อ: 2,745 มม.
ภายในยังคงมีจอกลางแนวตั้งขนาด 11.6 นิ้ว ความละเอียด HD ติดตั้ง wireless Apple CarPlay® และ Android™ Auto เป็นออฟชั่นให้เลือก ซึ่งสามารถควบคุมได้ทุกระบบการขับเคลื่อน X-MODE ระบบปรับอากาศ และ Multimedia ทั้งหมด โดยรุ่นมาตรฐานจะใช้จอขนาด 7 นิ้ว
เบาะนั่งภายในหุ้มด้วยหนัง Nappa เดินด้ายสีแทน ในรุ่นท๊อป Touring เพิ่มชิ้นส่วนตกแต่งสีดำเงาและโครเมียม ทุกรุ่นจะได้เบาะหลังที่สามารถพับได้แบบ One-touch ในขณะที่รุ่น Premium จะเพิ่มเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง รุ่น Limited ติดตั้ง Keyless Entry และ Push-Button Start พร้อมเบาะหลังระบบอุ่น รุ่น Touring เพิ่มเบาะคู่หน้าแบบระบายความร้อนได้และพวงมาลัยติดตั้งระบบอุ่น และ กระจกมองหลังแบบดิจิตอลพร้อมเข็มทิศและ Homelink®
ช่องจ่ายไฟ USB Type-A ทั้งหน้าและหลัง พร้อม DC 12V 2 จุด โดยจะเปลี่ยนเป็น Type-C ตั้งแต่รุ่น Premium ขึ้นไป ระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ what3words (W3W) ที่สามารถค้นหาตำแหน่งพิกัดได้เพียง Keyword 3 คำ เพื่อให้การใช้งานระบบนำทางสะดวกยิ่งขึ้น เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรุ่นที่ติดตั้งระบบนำทาง STARLINK
รุ่น Onyx Edition เพิ่มอุปกรณ์บางรายการ เช่น ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมสีเทา ทู-โทน และป้ายบอกชื่อรุ่น เบาะนั่งหุ้มวัสดุ StarTex ป้องกันการเปื้อนจากน้ำและทนต่อการใช้งานแบบหนัก นอกจากนี้ยังมี Hands-Free Power Gate Front View Monitor Dual-Mode X-MODE และยางอะไหล่แบบ Full-size
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
รุ่น XT เบนซิน 2.4 turbo
เครื่องยนต์เบนซิน BOXER 4 สูบ DOHC ขนาด 2.4 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharger พ่วง Intercooler กำลังสูงสุด 260 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
รุ่นมาตรฐาน เบนซิน 2.5 NA
เครื่องยนต์เบนซิน Boxer 4 สูบ DOHC with Dual AVCS ขนาด 2.5 ลิตร 2,498 ซีซี. Direct Injection กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 94.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 พละกำลังสูงสุด 188 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive
ทั้ง 2 เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์ Manual 8 จังหวะ ด้วย Paddle Shifter
ระบบบังคับเลี้ยว
Rack and pinion แบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS แบบ Variable ratio
ระบบกันสะเทือน
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ Double wishbone พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
ระบบห้ามล้อ
ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ จานเบรกคู่หน้า มีครีบระบายความร้อน คาลิปเปอร์คู่ จานเบรกคู่หลัง มีครีบระบายความร้อน คาลิปเปอร์เดี่ยว
ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่
- ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง รวมถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ EyeSight ประกอบด้วย
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Warning
- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง SVRD
- ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Pre-Collision Braking
- ระบบเบรกอัตโนมัติด้านหลัง Reverse Automatic Braking (ออฟชั่น)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผันและช่วยควมคุมรถให้อยู่ในเลน Advanced Adaptive Cruise Control with Lane Centering พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go
- ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management
- ระบบเตือนเมื่อออกจากเลน Lane Departure Warning
- ระบบเตือนเมื่อขับรถส่าย Lane Sway Warning
- ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่พร้อมการแจ้งเตือนด้วยภาพและเสียง DriverFocus™ Distraction Mitigation System
รุ่นท๊อป Touring เพิ่ม Wide-Angle Mono Camera ทำงานร่วมกับ Dual-camera EyeSight system เพื่อตรวจจับจักรยานและคนเดินเท้า เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวเข้าใกล้ทางแยกที่ความเร็วต่ำ
สำหรับรุ่นที่ติดตั้ง Blind-Spot Detection with Lane Change Assist และ Rear Cross-Traffic Alert จะเพิ่ม ระบบช่วยบังคับรถขณะเกิดความเสี่ยงต่อการชนที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. Automatic Emergency Steering
Subaru Outback รุ่นปรับโฉมจะผลิตขึ้นที่โรงงาน Subaru of Indiana Automotive (SIA) ร่วมกับ Ascent Impreza และ Legacy โดยจะพร้อมส่งมอบช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปี 2022 นี้
ที่มา: Subaru