1. หลังจากประกาศความร่วมมือกับทาง GM และ Sony ไปก่อนหน้านี้ โดยแยกส่วนงานและความรวมมือกันอย่างชัดเจน Honda ได้เผย Teaser รถสปอร์ตขุมพลังไฟฟ้าถึง 2 รุ่น พร้อมแผนการทำตลาดรถ EV จำนวนทั้งหมด 30 รุ่น ตั้งแต่รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก Kei-car ไปจนถึงรถสปอร์ตระดับ Flagship model ภายในช่วงปี 2030 โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2 ล้านคันต่อปี

ไฮไลท์สำคัญ คือ การเปิดตัวรถสปอร์ตต้นแบบจำนวนถึง 2 รุ่น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นขุมพลังไฟฟ้า แต่จะเป็น EV หรือ Hybrid ทาง Honda ยังไม่ได้ให้ข้อมูล โดยแบ่งเป็นรุ่น Specialty model และรุ่น Flagship model

รถต้นแบบคันแรกมีลักษณะเหมือนเครื่องยนต์วางหน้า เพราะมีฝากระโปรงหน้าที่ยาวคล้าย รุ่นในตำนานอย่าง S2000 หรืออาจจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าแบบ Prelude ก็ยังไม่แน่ชัดนัก

ส่วนรุ่นใหญ่มีสัดส่วนและทรวดทรงคล้ายรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางอย่าง NSX และด้วยความเป็น Flagship model อาจจะเป็นตัวตายตัวแทนของ NSX ในปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์แล้ว Honda ถือเป็นบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องยนต์อเนกประสงค์หรือ Power products ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายต่อปีกว่า 30 ล้านเครื่อง ภายใต้ผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งรถจักรยานยนต์ เครื่องตัดหญ้า อุปกรณ์เพื่อเกษตรกรรม มอเตอร์อเนกประสงค์เพื่อการใช้งานเฉพาะทาง เช่น ยานพาหนะทางน้ำ รวมไปถึงเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็ก

ทั้งหมดนี้ จะถูกรวมอยู่ในแผน Carbon neutral เพื่อลดปริมาณมลพิษที่เกิดจากคาร์บอนภายในปี 2050 ด้วยการพัฒนาขุมพลังไฮโดรเจน เป็นทางเลือกนอกจากระบบไฟฟ้า อีกทั้ง ยังมีการพัฒนาระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อนความรวดเร็วในการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละภูมิภาค รวมไปถึงการพัฒนาการจัดการองค์รวมของอุปกรณ์ Power products และมุ่งไปสู่การควบรวม Hardware และ Software รวมไปถึงการบริการต่างๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขอบเขตทางเทคโนโลยีระหว่างผลิตภัณฑ์ได้ไกลกว่าเดิม

Honda เตรียมแผนสำหรับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตอันใกล้ ดังนี้

  • อเมริกาเหนือ: Honda จะใช้แบตเตอรี่ Ultium จาก GM โดยที่มีอีกทางเลือกซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง Honda และ บริษัทแบตเตอรี่ที่ยังไม่ได้เอ่ยนาม เพื่อสร้างบริษัทร่วมทุนในอนาคต
  • จีน: ขยายความร่วมมือที่มีอยู่เดิมแล้วกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการแบตเตอรี่ CATL
  • ญี่ปุ่น: จัดซื้อแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ไซส์ Kei-car จากบริษัท Envision AESC

นอกจากนี้ Honda กำลังซุ่มพัฒนาแบตเตอรี่แบบ All-solid-state ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการผลิต ด้วยงบลงทุนกว่า 43,000 ล้านเยน (11,500 ล้านบาท) เพื่อให้ทันกำหนดการผลิตในช่วงฤดูใบ้ไม้ผลิ ปี 2024 นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ทยอยติดตั้งในรถ EV ของ Honda ตั้งแต่ช่วงหลังปี 2025 เป็นต้นไป

Honda เตรียมเปิดตัวรถ EV เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของแต่ละภูมิภาค ดังนี้

  • อเมริกาเหนือ: รถ SUV ขนาดกลาง 1 รุ่น และ ขนาดใหญ่ 1 รุ่น ในปี 2024 ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ GM โดยจะแบ่งเป็น Honda Prologue 1 รุ่น และ Acura ที่ยังอุบชื่อไว้ก่อนในตอนนี้ ภายใต้เทคโนโลยี Ultium ของ GM
  • จีน: เตรียมเปิดตัวอีกกว่า 10 รุ่น ภายในปี 2027
  • ญี่ปุ่น: ในช่วงต้นปี 2024 เปิดตัวรถ Kei-car เพื่อการพาณิชย์ ในระดับราคาประมาณ 1 ล้านเยน และเปิดตัวรุ่นเดียวกันแต่ทำตลาดสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลตามมาภายหลัง และปิดท้ายด้วยรถ SUV ก่อนสิ้นปี 2024

Honda ยังเตรียมแนะนำ e: Architecture หรือ EV Platform ที่พัฒนามาผ่านแนวคิด การเชื่อมต่อระหว่าง Hardware platform และ Software platform เข้าด้วยกัน ในช่วงปี 2026

ในขณะที่ความร่วมมือระหว่าง GM และ Honda จะก่อให้เกิดรถ EV ที่ใช้เทคโนโลยีร่วมกัน เพื่อให้เป็นระดับราคาที่เข้าถึงได้ สามารถทำราคาแข่งขันกับรถขนาดใกล้เคียงกันที่ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ มีกำหนดทำตลาดในปี 2027 พร้อมทั้งเตรียมตั้งไลน์การผลิตสำหรับรถ EV โดยเฉพาะ ในโรงงานที่อเมริกาเหนือ

สำหรับการผลิตรถ EV ในประเทศจีน Honda เตรียมสร้างโรงงานใหม่ในมณฑล Guangzhou และ Wuhan เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต

Honda ยังเตรียมสร้างเครือข่ายที่เชื่อม Platform ต่างๆ ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งฐานข้อมูลที่จับเก็บรูปแบบการใช้งานพลังงานผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ และยังเชื่อมต่อระหว่างแบตเตอรี่กับ Software เพื่อการพัฒนาศักยภาพองค์รวม ทำให้การจัดการต่างๆ เป็นไปโดยง่ายและสะดวกรวดเร็ว ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายค่ายรถยนต์กำลังปรับใช้ เพราะในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่สามารถมุ่งเน้นไปเพียงแต่ตัวรถได้เพียงอย่างเดียว

ที่มา: Honda

อ่านเพิ่มเติม:

Honda และ GM ประกาศความร่วมมือผลิต EV platform รุ่นเริ่มต้น คาดวางจำหน่ายปี 2027

จับตาดีลใหญ่ ! Honda จับมือ SONY ตั้งบริษัทผลิตและขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในปี 2025