Smart ห่างหายจากการเปิดตัวรถใหม่ตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งได้เปิดตัว Smart EQ Fortwo Smart EQ Fortwo Cabrio และ Smart EQ Forfour จนทำตลาดถึงปัจจุบัน ในปี 2019 Daimler บริษัทแม่ ไฟเขียวให้ Geely เข้าซื้อ Smart ในลักษณะ Joint venture ระหว่าง Mercedes และ Geely และได้เปิดตัวรถต้นแบบ Smart Concept #1 ในงาน International Motor Show Germany เมื่อปี 2021 ซึ่งเป็นการเผยโฉมทิศทางของรถ EV คันแรกภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้
Smart #1 สร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง SEA platform ที่เกิดจากการร่วมมือพัฒนาร่วมกับ Lynk & Co. Zeekr และ Volvo รวมไปถึงรถแบรนด์น้องใหม่จาก Baidu โดยเป็นอีกหนึ่ง Modular Platform ที่สามารถยืด-หด ได้ จนมีทั้งหมด 5 ขนาด รองรับตั้งแต่รถ A-segment ไปจนถึง F-segment พร้อมทั้ง SEA Sport และ SEA Commercial สำหรับรถสปอร์ตและรถเพื่อการพาณิชย์ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังเป็นการร่วมมือพัฒนาระหว่างทีมในยุโรปและจีนผ่านแนวคิดธุรกิจแบบ “dual-home” ซึ่งพร้อมจะทำตลาดในหลายทวีป รวมไปถึงประเทศไทย
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,270 มิลลิเมตร
- ความกว้าง: 1,822 มิลลิเมตร
- ความสูง: 1,636 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ: 2,750 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 1,820 กิโลกรัม
- ความจุห้องเก็บสัมภาระด้านหน้า: 15 ลิตร
- ความจุห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง: 273-411 ลิตร
(Smart #1 Launch Edition)
ภายนอก
โดดเด่นด้วยความน่ารักที่ดูเหมือนเป็นรถขนาดเล็ก แต่ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,750 มิลลิเมตร ทำให้ตัวรถจัดอยู่ในขนาด SUV ที่สามารถต่อกรได้กับ MINI Countryman Hyundai Kona Electric และ Volkswagen ID.3 อีกทั้งงานออกแบบตลอดคันยังคงคล้ายคลึงรถต้นแบบ Concept #1 ไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยผิวและเส้นสายตัวถังที่เรียบเนียน สบายตา
จุดเด่นอยู่ที่ประตูแบบไร้กรอบ Frameless window มือจับประตูแบบซ่อนเก็บพร้อมไฟส่องสว่างเหมือนรถหรูรุ่นใหญ่ การใช้ไฟหน้าแบบ LED Matrix headlight พร้อมไฟ DRL ทรงตัว Y และไฟท้ายที่มีแสงไฟ LED guiding กลมกลืนไปกับตัวรถ รวมไปถึงหลังคา Panoramic roof บานโตตามสมัยนิยม ฝากระโปรงท้ายแบบไฟฟ้าแบบเตะเปิด
สำหรับรุ่น Launch edition จะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 235/45 R 19 และ Badge “LAUNCH EDITION”
(Smart #1 Launch Edition)
ภายใน
Smart #1 มาพร้อมงานออกแบบเฉพาะตัว เน้นความทันสมัย เรียบง่ายมินิมอล แต่แฝงไว้ด้วยความพรีเมียม คอนโซลด้านหน้ามีการปรับรายละเอียดจากรถต้นแบบ Concept #1 เล็กน้อย แต่ยังถ่ายทอดแนวคิดการออกแบบ Floating center console ได้เป็นอย่างดี
เบาะนั่งแถวหลังพับได้อัตราส่วน 60:40 และยังสามารถเลื่อนหน้า-หลังได้เป็นระยะ 13 เซนติเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
มาพร้อมจอกลางขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด Full-HD พร้อม 3D user interface บนพื้นฐานเทคโนโลยี AI รวมทั้งระบบ voice command และระบบการเชื่อมต่อต่างๆ แบบไร้รอยต่อระหว่างตัวรถ แอพพลิเคชั่นควบคุมผ่าน Smartphone ที่สามารถเชื่อมผู้ใช้งาน Smart #1 เข้าไว้ด้วยกันและฐานข้อมูลระบบ Could service พร้อมการอัพเดทระบบแบบ Over-the-air (OTA)
มาตรวัดขนาด 9.2 นิ้วแบบ Full-HD พร้อมจอ Head-up display 10 นิ้ว เครื่องเสียงจาก Beats high-end sound technology จำนวน 13 ลำโพง พร้อม amplifier กุญแจแบบ Digital key พร้อมระบบระบบแชร์กุญแจผ่าน Smart ID peer-2-peer-system และไฟ Ambient light ให้เลือกปรับแต่งได้มากถึง 64 เฉดสี และสามารถไล่ระดับความสว่างได้ถึง 20 ระดับ
(Smart #1 Premium)
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
- มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งในตำแหน่งที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำที่ล้อคู่หลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุดกว่า 272 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่แบบ Lithium แบบ NCM (nickel, cobalt, manganese) ความจุมากกว่า 66 kWh
- ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ยังไม่มีการระบุ
- ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
ระบบชาร์จไฟ
- AC กำลังสูงสุด 22 kW สามารถชาร์จจาก 10%-80% ภายใน 3 ชั่วโมง
- DC กำลังสูงสุด 150kW ที่สามารถชาร์จจาก 10%-80% ภายใน 30 นาที
ระยะทางวิ่งสูงสุด
- 420-440 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
หัวชาร์จ
- แบบ CCS Type 2 พร้อมสายชาร์จไฟบ้านแบบ mode 3 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
- ระบบตู้ชาร์จ smart wallbox ที่พัฒนาร่วมกับ ABB
ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่
ติดตั้งระบบการขับขี่ Level 2+ autonomous driving พร้อม Advanced Driver Assistance System package หรือ ADAS ประกอบไปด้วยระบบต่างๆ ดังนี้
- ระบบบังคับควบคุมรถให้อยู่ในเลน Active lane keeping system
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Intelligent Adaptive Cruise Control with stop and go
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ Automatic parking assist
- ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา Blind spot assist
- ระบบช่วยเหลือระหว่างการเคลื่อนที่ไปตามจราจร Highway และ Traffic jam assist
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive high beam assist
- ระบบช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวางเพื่อหลีกเลี่ยงการชน Evasive manoeuvre assist
Smart #1 แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย
- Launch Edition
จัดเต็มกับสารพัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน พร้อม Badge บ่งบอกความพิเศษที่คอนโซลกลาง ตกแต่งภายในด้วยเบาะสีหนังสีขาว ผ้าหลังคาสีดำ และคอนโซลสี Copper - Premium
เน้นความหรูหรา ด้วยคอนโซลสีทองสว่าง แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ครบครัน - Pro+
เน้นความเรียบง่าย ทะมัดทะแมง เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ลวดลายกราฟฟิก และการใช้สีเหลืองตกแต่งที่ปีกเบาะ ด้ายพวงมาลัย และด้ายแผงประตู
ขณะนี้ตัวรถยังอยู่ในขั้นตอน EU homologation โดยจะสรุปได้อีกครั้งในเดือน กรกฎาคม 2022 นี้ และ Smart จะเผยข้อมูลเพิ่มเติมตามหลังอย่างเร็วที่สุด เมื่อสิ้นสุดขั้นตอน EU homologation
ถือว่าเป็นโมเดลที่น่าจับตาเพราะว่า เจ้า Smart #1 อยู่ในแผนของ Geely ที่จะส่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ภายในช่วงปลายปีนี้ ถึง ต้นปีหน้า
ที่มา: Smart
————————///————————
อ่านเพิ่มเติม:
Proton ภายใต้ร่มเงา Daimler และ Geely เซ็นสัญญากับ smart เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายในอาเซียน รอลุ้นในไทย
Smart #1 SUV ขนาดเล็กขุมพลังไฟฟ้า 100% เวอร์ชั่นผลิตขายจริง วิ่งทดสอบก่อนเปิดตัวเร็วๆ นี้
SPYSHOTS : Smart #1 รถ EV ขนาดเล็กเตรียมเปิดตัวเดือนเมษายนนี้