ถือว่าเป็น HR-V รุ่นที่ 2 สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา ที่อัพไซส์ให้สามารถต่อกรกับคู่แข่งได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นตลาดโลก ญี่ปุ่นและประเทศไทย จะมีขนาดที่ใหญ่โตกว่าทุกมิติ เนื่องจากใช้พื้นฐานตัวถังจาก Civic รุ่นที่ 11 ซึ่งทำให้รุ่นใหม่นี้ มีฐานล้อยาวกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 5 นิ้ว ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งเส้นสายที่แฝงความสปอร์ต
ด้านหน้าที่เพิ่มความยาวฝากระโปรง พร้อมกระจังหน้าลายแปลกตา และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าทรงเรียวคล้าย Civic หลังคาใช้เทคโนโลยี Laser-brazing เช่นเดียวกับ Accord ทำให้ตะเข็บไม่ต้องมีคิ้วมาบดบังเส้นสายของรถ กระจกมองข้างติดตั้งที่ประตูเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย พร้อมใบปัดน้ำฝนแบบซ่อนใต้ฝากระโปรงหน้า
ในขณะที่ด้านข้างมีเส้นสายที่เรียบง่ายแต่เน้นมัดกล้ามให้ตัวรถดูบึกบึน ค่อนไปทาง Conventional SUV มากกว่า Sporty crossover อย่าง HR-V เวอร์ชั่นตลาดโลก ญี่ปุ่นและประเทศไทย โป่งล้อทั้ง 4 มีขอบเส้นที่ชัดเจน พร้อมด้านท้ายมีไฟท้ายที่เรียวพร้อมกับเส้นไฟคล้ายไฟหน้า ฝากระโปรงบานใหญ่และมีขอบกันชนหลังอยู่ต่ำ ทำให้สามารถขนถ่ายสัมภาระได้โดยง่าย พร้อมติดตั้งสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ต
ด้วยแนวคิดที่ออกแบบเพื่อให้เป็นรถสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งอย่างแท้จริง ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคู่แข่งในรุ่น โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัวเมื่อต้องฝ่าการจราจรในเมือง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ที่ไม่เคยใช้ Honda มาก่อน โดยเจาะกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่อายุน้อย รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่มองหารถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุม เพื่อขึ้นเป็นที่หนึ่งของ Segment
สิ่งที่น่าจับตาคือ ขุมพลังที่ Honda ยังไม่เผยรายละเอียดในตอนนี้ แต่เคลมว่าจะมีพลังมากกว่า เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร บล๊อคเดิม คาดการณ์ว่า จะยกขุมพลัง เบนซิน 2.0 ลิตร NA และ 1.5 ลิตร พ่วง Turbocharger จาก Honda Civic และยังใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระ เนื่องจากใช้พื้นฐานเดียวกัน ทำให้ HR-V US version มาพร้อมกับความสนุกและความมั่นใจยามขับขี่
HR-V US version เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงหน้าร้อนของสหรัฐอเมริกา โดยจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
หากมีข้อมูลเพิ่มเติมทาง Headlightmag จะนำมาอัพเดทให้ชมอีกครั้ง
ที่มา: Honda US