แบตเตอรี่แบบ Solid State กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่ายังคงมีข้อจำกัดในการผลิตสำหรับตลาดรถยนต์ที่พร้อมวางจำหน่ายจริง จึงทำให้เกิดแบตเตอรี่แบบลูกผสมหรือ Semi-solid state ขึ้นยังคงไว้ซึ่งคุณงามความดีของ Solid state อันได้แก่ ความสามารถในการเก็บกักพลังงานต่อพื้นที่หรือ Energy density มากถึง 80% และช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อการระเบิด หากเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง

เนื่องจากการเปลี่ยนสถานะของตัวกลางในเซลล์แบตเตอรี่ ที่ปกติจะใช้เป็นของเหลวเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าภายในเซลล์ มาเป็นสถานะของแข็ง เช่น เซรามิค เพื่อลดน้ำหนักและขนาดของเซลล์ทั้งหมด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้

 

ล่าสุดค่ายรถ EV ยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Nio ที่เดินหน้า ลุยตลาดยุโรป พร้อมแนะนำเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่เข้าสู่วิถีชีวิตการใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบันที่ใช้เวลาเพียง 2.5 นาที พร้อมทางเลือกขนาดแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละทริปอย่างไม่มีขีดจำกัด

ตลอดจนการผลักดันให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบ Semi-solid state ที่ผลิตจาก WeLion สามารถเข้าสู่กระบวนการผลิตจริงได้ในเป็นเจ้าแรกของโลก และด้วยข้อจำกัดหลายประการจึงทำให้ทางค่ายตัดสินใจที่จะเปิดตัวแบตเตอรี่ประเภทนี้ ซึ่งมีความจุสูงถึง 150 kWh ซึ่งอาจทำให้รถ EV ของค่ายวิ่งได้ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 แต่ก็ไม่วายต้องเผชิญปัญหาทำให้กำหนดการล่าสุดมาถึงปี 2023 นี้

โดยประธาน Qin Lihong ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์กับสื่อมวลชนยานยนต์ ว่าจะพร้อมเปิดตัวแบตเตอรี่ดังกล่าวภายในครึ่งปีแรกนี้

สถานีสลับแบตเตอรี่ PSS

NIO ET7 Sedan

สำหรับค่ายรถยนต์ค่ายอื่น ที่อาจจะเคลมว่าใช้แบตเตอรี่แบบ Solid State แท้จริงแล้ว อาจจะเป็นเพียงแบบ Semi-solid state เนื่องจากต้นทุนและเทคโนโลยีการผลิตที่ยังไม่รองรับ ทำให้ค่ายรถยนต์ที่สนใจไม่ว่าจะเป็น Nissan Toyota Volkswagen Mercedes BMW และ Renault ต้องออกมาประกาศแผนการวางจำหน่ายรถ EV ยุคหน้ากันอย่างถ้วนหน้า

สิ่งที่น่าจับตา คือ แบตเตอรี่ดังกล่าวจะมาในรูปแบบ Semi-solid state หรือ Solid State แบบเต็มตัวกันแน่

ที่มา: Carnewschina