รถคุณหนูยอดฮิตจากค่ายดาวสามแฉกอย่าง Mercedes-Benz A-Class ได้ฤกษ์ปรับโฉมแล้ว หลังเปิดตัว
ในปี 2012 พลิกโฉมด้วยการเปลี่ยนทรงจากกึ่ง MPV หวานๆใสๆ มาเป็นสปอร์ตแฮตช์แบกโฉบเฉี่ยว และขายดี
จน Mercedes-Benz ภูมิใจ เพราะ 2 ใน 3 ของผู้ใช้ A-Class โฉมนี้ เป็นลูกค้าหน้าใหม่ที่เคยใช้แบรนด์คู่แข่งมาก่อน
(ส่วนในเมืองไทยก็ขายดีผิดหูผิดตาจาก A-Class โฉมก่อนๆเช่นกัน)

สำหรับการปรับโฉม ในเมื่อตัวรถขายดีด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว Mercedes-Benz จึงไม่กล้าปรับเปลี่ยนอะไรมาก
นอกจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น เปลี่ยนกันชนหน้าให้มีดีไซน์ร่วมสมัยกับ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ๆมากขึ้น
ปรับงานดีไซน์ของกระจังหน้าลายเพชรให้สวยงาม โดดเด่นมากขึ้น เน้นเส้นสายด้านข้างตัวรถให้ชัดขึ้นเล็กน้อย
เปลี่ยนรายละเอียดโคมไฟหน้าใหม่ โดยยังคงดีไซน์ตัวโคมเหมือนเดิม แต่เพิ่มออพชั่นไฟหน้า LED High Performance
ให้เลือกใช้เป็นครั้งแรก เช่นเดียวกันกับด้านท้าย เปลี่ยนรายละเอียดบนกันชนหลังให้สดใหม่ขึ้น พร้อมกับลายโคมไฟท้ายใหม่
และเปลี่ยนมาใช้ล้ออัลลอยลายใหม่

จากความสำเร็จในการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 ทำให้ Mercedes-Benz หยิบเอาจุดเด่นของรถแข่งสูตร 1
ทีม Mercedes AMG Petronas มาแต่งรูปลักษณ์ภายนอกในแพคเกจพิเศษ ‘Motorsport Edition’
ด้วยการไฮไลท์กันชนหน้า-หลัง ช่องแอร์ในห้องโดยสารด้วยโทนสีเขียวพิเศษ เปลี่ยนมาใช้เบาะนั่งทรงสปอร์ต
หุ้มหนังแท้สีดำสลับกับผ้า DINAMICA รวมถึงใช้ล้ออัลลอยลายพิเศษจาก AMG เอาใจคนชอบรูปลักษณ์ดุดันพิเศษ

ส่วนภายในห้องโดยสาร คงงานดีไซน์แบบเดิมทั้งหมด มีเพียงแค่การตกแต่งใหม่เล็กน้อย ด้วยลายผ้าหุ้มเบาะใหม่
แพทเทิร์นหุ้มเบาะหนังใหม่ เปลี่ยนวัสดุตกแต่งแผงแดชบอร์ด และใช้พวงมาลัย 3 ก้านดีไซน์ใหม่ แบบเดียวกันกับ
ใน Mercedes-Benz C-Class

ความเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารที่เด่นชัด อยู่ที่ระบบอินโฟเทนเมนต์ COMAND ขยายหน้าจอเป็น 8 นิ้ว
รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนระบบ iOS ผ่าน Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นด้วยระบบ MirrorLink ได้
เบาะนั่งภายในรถยังถูกเพิ่มความหนาขึ้นอีก 6 มิลลิเมตร เพื่อรองรับสรีระได้มากกว่า พร้อมออพชั่นระบบแสงไฟ
สร้างบรรยากาศในตัวรถ ทั้งบริเวณแผงประตู เบาะนั่ง ฯลฯ ซึ่งมีให้เลือกถึง 12 สี ปรับความเข้มได้ 5 ระดับ

จุดเด่นของการปรับโฉมครั้งนี้ อยู่ที่ระบบ DYNAMIC SELECT อันเป็นการเปลี่ยนคาแรคเตอร์เครื่องยนต์
การเปลี่ยนเกียร์ ความแข็ง-หนืดของช่วงล่างและพวงมาลัย ระบบปรับอากาศให้ตรงกับการขับขี่
ทั้งโหมด Comfort, Sport, Eco หรือจะเซ็ตแต่งในแบบตัวเองก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกใน A-Class

ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้ขุมพลังเดิมทั้งหมด แต่มีการปรับปรุงเล็กน้อย เช่น ในรหัส A220d (เบนซ์เลิกใช้ตัวย่อ CDI แล้ว)
ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร ถูกเพิ่มกำลังขึ้นเป็น 177 แรงม้า และรหัส A250 ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 218 แรงม้า (เดิม 211 แรงม้า) ซึ่งมาพร้อมกับเกียร์ธรรมดาลูกใหม่
ส่วนเกียร์อัตโนมัติยังคงเลือกใช้เกียร์คลัทช์คู่ 7G-DCT 7 จังหวะ เหมือนเดิม

และนอกจากนี้ ยังเพิ่มรหัสใหม่ A160 ใช้เครื่องยนต์ 102 แรงม้า ที่เน้นความประหยัดเป็นพิเศษ ด้วยตัวเลข
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 28.5 กม./ลิตร และปล่อยก๊าซ CO2 ออกมาเพียง 89 กรัม/กิโลเมตร
โดย A-Class ใหม่ทุกรุ่น จะได้รับหน้าจอแสดงความประหยัด ECO Display เวอร์ชั่นใหม่ไปใช้กัน

นอกจากนี้ Mercedes-Benz ยังเปิดตัวเวอร์ชั่นแรง Mercedes-AMG A45 4MATIC พร้อมกัน ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลง
ทางรูปลักษณ์เพียงเล็กน้อย คล้ายเวอร์ชั่นปกติ เพียงแต่จะได้ไฟหน้า LED High Performance เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และถูกปรับความแรงขึ้นเป็น 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 475 นิวตัน-เมตร พร้อมปรับปรุงอัตราทดเกียร์ใหม่ จนทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 4.2 วินาที (เร็วกว่าเดิม 0.4 วินาที) รวมถึงได้ใช้
ระบบ DYNAMIC SELECT ที่ปรับแต่งได้มากกว่ารุ่นปกติ

2016 Mercedes-Benz A-Class และ Mercedes-AMG A45 4MATIC พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าชาวยุโรป
ในเดือนกันยายนนี้ สำหรับในเมืองไทย คาดว่าในรุ่น A250 ก็จะได้ออพชั่น DYNAMIC SELECT มาใช้
พร้อมๆกับข่าวลือว่า Mercedes-Benz Thailand พร้อมประกอบ A-Class ในประเทศเร็วๆนี้ จึงเป็นไปได้ว่า
รุ่นปรับโฉมอาจจะเปลี่ยนมาประกอบขายในไทยเลยก็เป็นได้

ที่มา : Mercedes-Benz