หลังทำตลาดมานานกว่า 8 ปี วันนี้ Jaguar ค่ายรถยนต์พรีเมี่ยมสัญชาติอังกฤษในเครือ TATA Motors
จัดการเผยโฉม 2016 Jaguar XF แล้วเรียบร้อย ชูจุดเด่นห้องโดยสารกว้างขวาง งานวิศวกรรมใหม่หมดจด
พร้อมโชว์ตัวในงาน New York Auto Show 2015 เป็นที่แรก ต้นเดือนเมษายนนี้
(Jaguar XF โฉมที่แล้ว)
รูปลักษณ์ภายนอกของ 2016 Jaguar XF ไม่ได้ดูใหม่ทั้งหมดอย่างที่คาดกัน เพราะเลือกที่จะใช้เส้นสายเดิมๆ
แต่ปรับให้ดูทันสมัย และเน้นให้โดนใจกลุ่มเศรษฐีที่ต้องการความสปอร์ตมากกว่าความหรูหรา มองหาดีไซน์
ที่ดูไม่เชยและแก่จนเกินไปมากกว่า
ส่งผลให้ภาพรวมของงานออกแบบดูคล้ายส่วนผสมของรุ่นน้องอย่าง XE เข้ากับ XF โฉมที่แล้ว (และบางมุม
ยังดูคล้ายกับ Volvo S40 อย่างไม่น่าเชื่อ) ใช้เอกลักษณ์งานออกแบบของ Jaguar ยุคใหม่ด้วยกระจังหน้า
ทรงสีเหลี่ยมลบมุมขนาดใหญ่ กับโคมไฟหน้าเรียวแหลมพร้อมเทคโนโลยี LED ส่วนด้านท้ายเด่นด้วยแนวไฟท้าย
และเส้นโครเมี่ยมทรงเฉี่ยวพาดยาว คล้ายกับ Jaguar F-Type อยู่ไม่น้อย
มิติตัวถังถูกลดความยาวลง 7 มิลลิเมตร รวมถึงลดความสูงลงอีก 3 มิลลิเมตร แต่ไปเพิ่มระยะฐานล้อหน้า-หลัง
เป็น 2,960 มิลลิเมตรแทน ซึ่งถือว่ายาวมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ในคลาสเดียวกัน และนี่เองที่เป็นเหตุผลที่
ทำให้ Jaguar กล้าประกาศว่ามีเนื้อที่โดยสารด้านหลังดีที่สุดในคลาส
ซึ่งภายในห้องโดยสาร นอกจากจะมีพื้นที่เหลือเฟือแล้ว ยังถูกออกแบบใหม่อย่างพิถีพิถัน แม้จะเลือกตัดลูกเล่น
ช่องแอร์พับเก็บได้อันล้ำยุคจากโฉมที่แล้ว เพราะต้นทุนที่สูงกับประโยชน์ที่ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ยังคงรักษา
คันเกียร์สวิตช์หมุนอันแสนฮือฮาเอาไว้ โดยยุบตัวเก็บลงไปโดยอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์
นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ InControl Touch Pro พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.2 นิ้ว
ซึ่ง Jaguar กล่าวว่าตัวซีพียูเปลี่ยนมาใช้ชิพแบบ Quad-core และเก็บข้อมูลใน Solid State Drive
ทำให้สามารถตอบสนองได้ทันใจอย่างแน่นอน ด้านหน้าจอมาตรวัดยังเปลี่ยนมาใช้หน้าจอสีขนาด 12.8 นิ้วใหม่
คล้ายกับ Jaguar XJ ด้วย
ด้านงานวิศวกรรมถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ตัวแพลตฟอร์มตัวรถที่เปลี่ยนมาใช้วัสดุอะลุมิเนียมมากถึง 75%
ของตัวรถ ทำให้ลดน้ำหนักลงจากรุ่นก่อนได้ถึง 190 กิโลกรัม แต่กลับมีความแข็งแกร่งมากกว่า 28%
อีกทั้งยังถูกออกแบบให้กระจายน้ำหนักหน้า-หลังในอัตราส่วน 50:50 เพื่อการทรงตัวในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม
พร้อมกับติดตั้งโช้คอัพความหนืดพิเศษเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังมีออพชั่นระบบ Adaptive Dynamics
ซึ่งจะปรับความหนืดได้อัตโนมัติตามลักษณะการขับขี่ ให้เลือกติดตั้งกันด้วย
ขุมพลังยังคงมาในแนวทาง Downsizing ด้วยการเน้นทำตลาดขุมพลังดีเซล 4 สูบเป็นหลัก กับเครื่องยนต์
ตระกูล Ingenium ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งปรับจูนแรงม้าให้ 2 ระดับ ได้แก่ 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร
และ 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร
สำหรับขาซิ่งรอบจัดที่มองหาขุมพลังเบนซิน Jaguar จัดให้กับตัวแรงไปเลยด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6
พร้อมเทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร สร้างกำลังได้ 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร และแรงระดับตัวท้อป
ด้วยเวอร์ชั่นซูเปอร์ชาร์จ ยกเทอร์โบคู่ทิ้งไป ให้กำลัง 380 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร
ทั้งขุมพลังเบนซินและดีเซลจะผู้เข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะเป็นหลัก (เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะมีให้เลือกเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล)
2016 Jaguar XF จะพร้อมส่งมอบตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และมีสิทธิ์ว่าจะได้นำเข้ามาขายผ่านผู้แทนจำหน่าย
อย่างเป็นทางการในไทยอีกด้วย
ที่มา : Jaguar