และแล้วเรื่องราวก็เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้าจริงๆ เมื่อ Land Rover ค่ายรถยนต์สมบุกสมบันพันธุ์หรูจากอังกฤษ
เผยโฉม 2015 Land Rover Discovery Sport ตอกย้ำกระแสข่าวที่ว่าจะตอกย้ำชื่อ Discovery ให้หนักแน่น
และชัดเจนขึ้น
เพราะถึงแม้จะใช้ชื่อ Discovery Sport แต่จริงๆแล้วรถยนต์คันนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่ Land Rover Freelander
ที่ถูกเปิดตัวเจเนอเรชั่นแรกมาตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งสาเหตุหนึ่งของการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ เป็นไปได้สูงว่ามาจากความพยายาม
ลดความซับซ้อนของชื่อรถยนต์ในเครือ
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากรถยนต์ต้นแบบ Land Rover Discovery Vision Concept
ที่ถูกเปิดตัวก่อนหน้านี้ มีกลิ่นอายของรถยนต์ในตระกูล Range Rover พอสมควร ทั้งรูปทรงลิ่ม เน้นความสปอร์ต
มากกว่า Land Rover รุ่นก่อนๆ รวมถึงรูปลักษณ์ด้านหน้าที่มาพร้อมกับโคมไฟหน้าทรงเฉี่ยว กระจังหน้า 2 ชั้น
ที่ปราดเปรียวกว่าเคย รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยี LED มาใช้กับโคมไฟหน้าและไฟตัดหมอก
ส่วนด้านข้าง เน้นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Land Rover อย่างเต็มที่ ทั้งเส้นบ่าทรงตรงเน้นความบึกบึน และเสา C-Pillar
ทรงเฉียงขนาดใหญ่ เพิ่มความสปอร์ตด้วยช่องอากาศเหนือซุ้มล้อหน้า ส่วนด้านท้ายไม่ทิ้งความปราดเปรียวด้วย
ลายเส้นโฉบเฉี่ยว และโคมไฟท้ายทรงเท่ เล่นรายละเอียดในโคมด้วยทรงวงกลม
ภายในห้องโดยสาร เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก Freelander โฉมที่แล้ว เริ่มต้นด้วยการนำเสนอทางเลือก
รูปแบบเบาะ 5+2 ให้เลือกติดตั้งเป็นพิเศษ ส่วนแผงคอนโซลหน้าออกแบบเน้นความหรูหราและเรียบง่าย
ด้วยโทนสีทูโทน และการจัดวางปุ่มควบคุมที่ง่ายต่อการสัมผัส มาพร้อมกับระบบอินโฟเทนเมนต์ในหน้าจอขนาด 8 นิ้ว
และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ส่วนคันเกียร์ถูกแทนที่ด้วยปุ่มไฟฟ้าแบบหมุนเช่นเดียวกับที่ใช้ใน Range Rover
นอกจากนี้เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถเลือกพับได้ในอัตราส่วน 60/40 อีกทั้งยังสามารถเลื่อนปรับเบาะได้มากถึง
6.3 นิ้ว เพื่อช่วยเพิ่มเนื้อที่วางขา ส่วนรูปแบบ 5+2 ที่มีให้เลือกติดตั้งพิเศษนั้น จะเป็นเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งสามารถ
พับเก็บให้ราบเรียบไปกับพื้นตัวรถได้ ซึ่งน่าสนใจว่า Land Rover เลือกที่จะเรียกรูปแบบนี้ว่า 5+2 แทนที่คำว่า
7 ที่นั่ง เพราะ 2 ที่นั่งที่ถูกเสริมขึ้นมานั้นเหมาะสำหรับการใช้โดยสารเพียงครั้งคราวเท่านั้น โดยคนที่มองหา
รถยนต์ SUV ที่นั่งได้ 7 ที่นั่งสบายๆ น่าจะรอ Discovery โฉมใหม่ที่ใกล้เปิดตัวตามออกมาจะดีกว่า
สำหรับขุมพลังที่ใช้นั้น Land Rover ยังคงเดินหน้าตามเทรนด์ Downsizing ด้วยการให้มีขุมพลังแบบ 4 สูบเรียง
ให้เลือกใช้เท่านั้น เริ่มต้นด้วยฝั่งเบนซิน กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ ให้กำลังสูงถึง
240 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 338 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติรุ่นล่าสุด แบบ 9 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน
4 ล้ออันเป็นเอกลักษณ์ของ Land Rover
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล ใช้บล็อกเดียวกับกับ Range Rover Evoque ด้วยเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร SD4 พร้อมเทอร์โบ
ให้กำลัง 190 แรงม้า แต่มีให้เลือกเชื่อมต่อกำลังทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ และแบบอัตโนมัติ 9 จังหวะ
ที่สำคัญ Land Rover ยังให้ความสำคัญกับงานวิศวกรรมเป็นพิเศษ ด้วยการพยายามเลือกใช้เหล็กกล้าน้ำหนักเบา
เช่นเหล็กโบรอน อะลุมิเนียม ในชิ้นส่วนต่างๆของตัวรถ เพื่อช่วยลดน้ำหนักให้เบาลงให้ได้มากที่สุด
2015 Land Rover Discovery Sport จะออกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกากันก่อนในช่วงต้นปีหน้า และเวอร์ชั่น
พวงมาลัยขวาน่าจะตามออกมาในปีหน้าเช่นกัน ซึ่งน่าลุ้นว่าตัวแทนจำหน่ายในไทยจะตัดสินใจนำเข้ามาจำหน่าย
เพื่อชนกันกับ BMW X3, Lexus NX 300h ด้วยหรือไม่