คลายปริศนาที่ค้างใจกันเสียที ว่ารหัส D ที่เผยในภาพทีเซอร์คืออะไรกันแน่ โดย Elon Musk ประธานบริหารค่าย
Tesla Motors ได้เปิดเผยออกมาแล้วด้วยตนเอง ว่ารถยนต์รหัส D ดังกล่าว คือ 2014 Tesla Model S P85D
เวอร์ชันมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวตามข่าวลือ ซึ่งตัว D ย่อมาจากคำว่า ‘Dual’

alt

รุ่น P85D ของ Model S นี้ เป็นเสมือนการเปิดตัวระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Tesla ไปในตัว เพื่อให้ลูกค้าได้ชิมลางกัน
ก่อนที่จะเปิดตัวใน Tesla Model X รถยนต์ SUV พลังไฟฟ้าเบอร์แรกของค่าย เป็นลำดับถัดมา โดยรูปลักษณ์ภายนอก
ยังคงเหมือนกับ Model S เป็นส่วนใหญ่ โดยมีแค่รายละอียดไฟท้าย และด้านหน้าบางจุด ที่ถูกอัพเดทให้ดูสดใหม่ขึ้นเล็กน้อย
พร้อมกับป้ายแสดงชื่อรุ่น P85D ท้ายรถแสดงความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้น

งานนี้พระเอกจึงอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนล้วนๆ ด้วยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 211 แรงม้าในเพลาล้อคู่หน้า และ
มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 470 แรงม้าในล้อคู่หลัง ส่งให้มีกำลังรวมมหาศาลถึง 691 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด
930 นิวตัน-เมตร ที่มาทันทีตั้งแต่แตะคันเร่ง ทำให้สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลาเพียง 3.2 วินาที เท่านั้น!
ถือว่าแรงพอๆกันกับ Lamborghini Huracán LP 610-4 และ Porsche 911 Turbo เลยทีเดียว และแรงแซงหน้า
Porsche Panamera Turbo S (3.6 วินาที) และ Audi RS7 (3.7 วินาที) ไปแล้ว

alt

ด้านสถิติอื่นๆ Tesla Model S P85D ทำเวลาควอเตอร์ไมล์ได้ 11.8 วินาที สร้างความเร็วสูงสุดแบบล็อกความเร็ว
ที่ 250 กม./ชม. นอกจากสถิติด้านความแรงแล้ว ด้านระยะทางวิ่งต่อการชาร์จยังเพิ่มขึ้นจากรุ่น P85 ด้วย โดย
สามารถแล่นได้สูงสุด 443 กิโลเมตร มากกว่ารุ่น P85 อยู่ 16 กิโลเมตร

นอกจากรุ่น P85D แล้ว Elon Musk ยังถือโอกาสเผยโฉมรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่กำลังน้อยลงมาอย่าง 60D และ 85D
มาด้วย เพื่อช่วยตีตลาดผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ ในราคาที่ย่อมเยาลงมา และไม่ต้องการกำลังที่
มหาศาลจนเกินไป

รุ่น 60D และ 85D นั้น จะได้รับการเสริมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 188 แรงม้า เข้าที่ล้อคู่หน้า โดยรุ่น 60D สามารถ
ทำตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 5.7 วินาที และ 5.2 วินาที สำหรับรุ่น 85D และทั้งคู่ ยังมีระยะแล่นต่อการชาร์จ
เพิ่มขึ้น 16 กิโลเมตร จากเวอร์ชันขับหลัง เช่นกัน อยู่ที่ 362 กิโลเมตร ในรุ่น 60D และ 475 กิโลเมตร ในรุ่น 85D

alt

เวทมนตร์ที่ค่าย Tesla Motors เปิดเผยออกมา ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะยังมีอีกหมัดเด็ด นั่นคือการเปิดเผยระบบ
ช่วยขับกึ่งอัตโนมัติของตน ที่ใช้กล้องด้านหน้าตัวรถ สแกนและตรวจสอบสภาพถนนด้านหน้า ร่วมกับระบบโซนาร์
แบบ 360 รอบคันรถ ช่วยตรวจจับสภาพจราจรรอบๆตัวรถ และสามารถหยุดรถได้อัตโนมัติเมื่อพบว่าสภาพการจราจร
นั้นติดขัด แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่า จะพร้อมติดตั้งกับ Model S เลยทันทีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม Elon Musk ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ทุกคนจะได้เห็น และใช้ระบบขับรถอัตโนมัติแบบสมบูรณ์ได้ภายใน
5-6 ปีข้างหน้านี้แล้วแน่นอน