ไม่ต้องดูภาพหลุด ภาพแอบถ่าย ภาพลับกันอีกแล้ว เพราะ Mercedes-Benz แบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยมจากเยอรมนี เปิดตัว
2014 Mercedes-Benz C-Class เจเนอเรชั่นที่ 4 อย่างเป็นทางการออกมาแล้ว พร้อมกับรูปลักษณ์ที่เหมือนกับภาพหลุดบน
อินเตอร์เน็ตไม่มีผิดเพี้ยน แต่โดดเด่นด้วยหลากงานวิศวกรรมที่ถูกทำขึ้น เพื่อทำให้เป็น C-Class ที่สมบูรณ์แบบและล้ำหน้า
คู่แข่งมากที่สุด
งานออกแบบภายนอก เป็นการเปลี่ยนแปลงจากโฉมปัจจุบันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมิติตัวถัง ที่ต้องขยายหนี CLA-Class
ซีดานคูเป้รุ่นน้อง จนทำให้ Mercedes-Benz C-Class ใหม่ มีความยาวมากกว่าเดิม 95 มม. (มีระยะฐานล้อหน้า-หลังยาวกว่า
เดิม 80 มม.) และกว้างกว่าเดิม 40 มม. ส่วนพื้นที่สัมภาระด้านท้ายถูกขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน เป็น 480 ลิตร
เส้นสายของงานออกแบบ เห็นชัดเจนว่าเป็นการนำเอาเอกลักษณ์งานออกแบบยุคใหม่ของ Mercedes-Benz มาใช้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะเส้นบ่าด้านข้างแบบ Dropping Line ด้านหน้ามาพร้อมกับระยะโอเวอร์แฮงก์ที่สั้นลง และแนวหลังคาที่เตี้ยลง
แต่อย่างไรก้ตาม งานออกแบบโดยรวมของ Mercedes-Benz C-Class โฉมใหม่ถือว่าเป็นการย่อส่วนพี่ใหญ่ Mercedes-Benz
S-Class รุ่นล่าสุด ลงมาอย่างเห็นได้ชัด และพลิกโฉมจากความเหลี่ยมสันในโฉมปัจจุบัน มาเป็นความโฉบเฉี่ยว กลมกลืน
ระหว่างความอ่อนช้อย และเส้นสายอันแข็งกร้าว
ส่วนรูปลักษณ์ภายใน ออกแบบใหม่เอาใจวัยรุ่นยุคใหม่โดยเฉพาะ ด้วยการทิ้งเส้นสายเหลี่ยมทื่อจากรุ่นปัจจุบันไปจนหมดสิ้น
แทนที่ด้วยคอนโซลหน้าแบบโอบล้อมผู้โดยสาร พร้อมคอนโซลกลางแบบแยกชิ้นพาดยาวมายังที่พักแขน โดดเด่นด้วยหน้าจอ
ระบบ COMAND Online ติดตั้งแบบลอยตัว จนดูคล้ายการนำแท็บเล็ตมาแปะบนคอนโซลกลาง ให้คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกับการใช้งาน
มากยิ่งขึ้น ซึ่งระบบ COMAND Online มาพร้อมกับออพชั่นระบบ Touchpad ซึ่งทำให้การใช้งานระบบทำได้ง่ายขึ้นดั่งสมาร์ทโฟน
ที่สำคัญ คือการเปลี่ยนมาใช้วัสดุและการประกอบที่พรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น จนเข้าใกล้ S-Class มากกว่าเดิม รวมไปถึงพวงมาลัย
แบบ 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นแบบใหม่ สปอร์ตกว่าเดิม และยังมีออพชั่นระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ Burmester
เช่นเดียวกันกับใน Mercedes-Benz S-Class ใหม่ มาให้ติดตั้งกัน
2014 Mercedes-Benz C-Class ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม MRA ใหม่ล่าสุด ของ Mercedes-Benz ส่งผลให้ตัวรถมี
น้ำหนักเบาลงจากโฉมปัจจุบันถึง 100 กิโลกรัม นั่นทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำลงกว่าเดิม 20% อีกทั้งยังมีจุดศูนย์ถ่วง
ที่ต่ำลงกว่าเดิม เพิ่มอารมณ์สปอร์ตในการขับขี่ได้มากขึ้น
จุดเด่นที่หลายๆคนคาดไม่ถึง คือความกล้าของ Mercedes-Benz ที่ตั้งใจติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลม AIRMATIC จาก S-Class
มาเป็นออพชั่นเสริมให้กับ C-Class ใหม่ ถือว่าเป็นครั้งแรกในคลาสที่มีการติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลมมาให้ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวรถสามารถปรับ
ความสูง-ต่ำของตัวถัง พร้อมกับควบคุมความหนึบของช่วงล่างให้เข้ากับการขับขี่หลายๆรูปแบบ และสภาพถนนที่แตกต่างกันได้
ทั้งแบบ Comfort Plus, Comfort และ Sport
ในช่วงแรก Mercedes-Benz C-Class ใหม่ จะมีเครื่องยนต์ให้ใช้ 3 บล็อก ได้แก่ C220 BlueTEC เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ
ขนาด 2.2 ลิตร พร้อมเทอร์โบ ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร และจิบน้ำมันเฉลี่ยเพียง 25 กม./ลิตร
ฟากเบนซินเริ่มต้นด้วย C180 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร
ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.2 วินาที และจิบน้ำมันเฉลี่ย 20 กม./ลิตร
ก่อนจะมาแรงขึ้นอีกนิด ด้วย C200 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด
300 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วขึ้นเล็กน้อยเป็น 7.5 วินาที และประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 18.8 กม./ลิตร
โดยยังคงไร้เงาเครื่องยนต์ใหม่แบบ 3 สูบเรียง จากที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้
แต่หลังจาก C-Class ใหม่จำหน่ายออกไประยะหนึ่ง Mercedes-Benz จะเตรียมขุมพลังใหม่เพิ่มเติมอีกมากมายหลายระดับแรงม้า
และความประหยัด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร พร้อมเทอร์โบบล็อกใหม่ที่ให้แรงม้า 115 ตัว แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร
รวมไปถึงเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร ที่มีระดับแรงม้าหลากหลายกว่าเดิม ได้แก่ 115 และ 204 แรงม้า สมทบกับรุ่น
170 แรงม้าที่จำหน่ายในช่วงแรก
ส่วนฝั่งเบนซินจะมีกองทัพเครื่องยนต์ 4 สูบที่จะมาพร้อมกับระดับความแรงตั้งแต่ 156 ไปจนถึง 238 แรงม้า หลายขุมพลัง มาให้
เลือกติดตั้งกัน และที่สำคัญ คือการใส่ขุมพลังไฮบริดดีเซลเป็นครั้งแรกของ Mercedes-Benz C-Class ได้แก่รุ่น C300 BlueTEC HYBRID
บล็อกเดียวกันกับ Mercedes-Benz E-Class โดยเป็นการผสานเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร 204 แรงม้า เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า
27 แรงม้า ให้ความประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 25.6 กม./ลิตร
กำลังทั้งหมด จะถูกเชื่อมต่อสู่ล้อหลังเป็นหลัก ผ่านระบบส่งกำลังธรรมดา 6 จังหวะ และระบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS
แบบ 7 จังหวะ อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ให้เลือกติดตั้งกันอีกด้วย พร้อมกับหลากระบบความปลอดภัยรอบทิศทาง
เช่น ระบบช่วยจอด Active Parking Assist, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus พร้อมระบบเตือน
ป้ายจราจรและเตือนการขับขี่ผิดทิศจราจร
2014 Mercedes-Benz C-Class พร้อมทำตลาดในยุโรปตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนประเทศไทย Mercedes-Benz Thailand
เตรียมจำหน่ายตามติดตลาดโลกในปีหน้าด้วยอย่างแน่นอน โดยในช่วงแรกอาจเป็นการจำหน่ายในรูปแบบนำเข้าจำนวนจำกัดกันก่อน