ในยุคนี้ถ้าใครบอกว่ารถยนต์คันโตจะต้องเป็นรถกินน้ำมันมาก ดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวที่ไม่เป็นจริงเสมอไปแล้ว
โดยเฉพาะกับรถยนต์หรูขนาดใหญ่จากค่ายดาวสามแฉก ที่เพิ่งจะเปิดตัว 2014 Mercedes-Benz S500 Plug-in Hybrid
ไปสดๆร้อนๆ และโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนใหม่ที่ทำให้จิบน้ำมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
S500 Plug-in Hybrid ถือว่าเปิดตัวทิ้งช่วงตาม S-Class รุ่นล่าสุดเพียงไม่กี่เดือน หากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกจะพบว่า
แทบจะไม่มีความแตกต่างจากรุ่นปกติเลย โดยมีเพียงช่องเสียบชาร์จไฟใต้ก้อนไฟท้ายขวาเท่านั้น ที่เห็นได้ชัดว่า
เป็นรุ่น Plug-in Hybrid
ความแตกต่างหลักจึงอยู่ที่งานวิศวกรรมเครื่องยนต์ล้วนๆ ที่หันมาใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 บล็อกใหม่ พร้อมเทอร์โบ
ขนาด 3.0 ลิตร สร้างกำลังได้ 328 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร ผสานกำลังเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า
107 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ช่วยกันทำงานจนสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลาเพียง 5.5 วินาที
และถูกล็อกความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม.
ด้วยระบบขับเคลื่อนนี้ ทำให้ S500 Plug-in Hybrid มีโหมดการทำงาน 4 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Hybrid ทำการผสมกำลัง
ระหว่าง 2 ขุมพลัง, E-Mode ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าล้วน, E-Save เก็บไฟในแบตเตอรี่ไว้ใช้สำหรับการใช้ E-Mode
และ Charge ที่จะเน้นการชาร์จประจุไฟเก็บเข้าแบตเตอรี่ท้ายรถเป็นหลัก
โดย S500 Plug-in Hybrid มีจุดเด่นอยู่ที่ความประหยัดอย่างแท้จริง เพราะสามารถทำความประหยัดน้ำมันได้มากถึง
33.3 กม./ลิตร และปล่อยก๊าซไอเสียออกมาในอัตราที่ต่ำเพียง 69 กรัม/กม. โดยมีการติดตั้งแบตเตอรี่ลูกใหญ่ในพื้นที่
สัมภาระด้านท้าย ที่อาจจะทำให้สูญเสียเนื้อที่บรรทุกไปบ้าง แต่ก็ทำให้ตัวรถสามารถแล่นได้ด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวได้
ไกลถึง 30 กม. ต่อการชาร์จแบตเต็ม 1 ครั้ง
แม้จะเปิดตัวและพร้อมโชว์ตัวในงาน Frankfurt เดือนกันยายนนี้ แต่กว่าจะพร้อมออกจำหน่ายก็ต้องรอถึงปีหน้าเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของตลาดรถยนต์หรูขนาดใหญ่ เนื่องจากคู่แข่งเช่น BMW 7-Series ได้นำร่องกับการ
นำเสนอขุมพลังไฮบริดไปแล้ว และ S500 Plug-in Hybrid เป็นรถยนต์รุ่นแรกในคลาสที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟบ้านได้ด้วย