สิ้นสุดการรอคอยกันเสียที สำหรับว่าที่รถยนต์ที่จะทำตลาดแทน Enzo Ferrari ที่ได้กลายเป็น 1 ในตำนานรถยนต์
ระดับซูเปอร์คาร์ไปแล้ว เพราะ Ferrari ค่ายรถยนต์ม้าพยศจากอิตาลี พร้อมเปิดตัว 2013 LaFerrari หรือ Ferrari F70
ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็น Enzo Ferrari II นั่นเอง

alt

รูปลักษณ์ภายนอก คล้ายคลึงกับภาพตกแต่งทางคอมพิวเตอร์ก่อนหน้านี้ไม่น้อย แต่ก็มีหลายรายละเอียดที่รถคันจริง
ดูลงตัวกว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ด้านข้างที่ลดทอนเส้นสายอันแข็งทื่อที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งสูตร 1 ลง
และใส่ความโค้งมน โป่งนูน จนดูมีความอ่อนช้อยอันทรงพลังมากกว่า

LaFerrari มีความยาวถึง 4.7 ม. และกว้าง 1.9 ม. ในขณะที่เตี้ยเพียง 1.1 ม.เท่านั้น โดยมีระยะฐานล้อหน้า-หลัง
อยู่ที่ 2,665 มม. และมีน้ำหนักรวมเพียง 1,255 กก. ถูกออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังในอัตราส่วน
41:59 ทำให้รถยนต์คันนี้มีความสมดุลแทบจะสมบูรณ์

alt

หัวใจหลักของ LaFerrari คือระบบขับเคลื่อน HY-KERS อันประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V12 ความจุ 6.2 ลิตร
ที่สร้างกำลังได้มากถึง 800 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 9,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร อีกทั้ง
ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 163 แรงม้า เข้ามาช่วยอีกแรง ทำให้ LaFerrari มีกำลังรวมสูงถึง 963 แรงม้า ส่งกำลังผ่าน
เกียร์อัตโนมัติคลัชท์คู่ DCT 7 จังหวะ สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.เร็วถึง 2.5 วินาที และทำความเร็ว 0-300 กม./ชม.
ในเวลาเพียง 15 วินาที ก่อนจบความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม. ซึ่งระบบ HY-KERS มีน้ำหนัก 140 กก. โดย
Ferrari ได้เลือกติดตั้งแบตเตอรี่ลูกหลักไว้กลางลำตัวรถ เพื่อช่วยสร้างสมดุล

alt

ระบบช่วงล่างที่นำมาใช้ใน LaFerrari ใช้ระบบ Double Wishbone ในล้อคู่หน้า และ Multi-Link สำหรับล้อคู่หลัง
และสวมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในล้อคู่หน้า และ 20 นิ้วในล้อคู่หลัง นอกจากนี้ Ferrari ยังอัดสารพัดเทคโนโลยี
ที่จะช่วยให้การขับขี่สุดยอดซูเปอร์คาร์คันนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ เช่น ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกจาก Brembo
ระบบ ESC ช่วยรักษาเสถียรภาพของตัวรถ ระบบ EF1-TRAC ระบบแทรกชันคอนโทรลที่นำมาจากรถแข่งสูตร 1
ผสานเข้ากับระบบไฮบริดของตัวรถ รวมไปถึงช๊อกอัพแม่เหล็กไฟฟ้าและระบบเฟืองท้ายที่พัฒนาขึ้นมาใหม่

2013 LaFerrari จะถูกผลิตออกมาเพียง 499 คันเท่านั้น โดยการส่งมอบจะเริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ครับ

ที่มา : Worldcarfans