ที่ที่ปลอดภัยที่สุด อาจเป็นที่อันตรายที่สุด ถ้าให้เปรียบเปรยกับอุปกรณ์ป้องกันภัย หลายคนคงมั่นใจระบบป้องกันขโมย
อัจฉริยะมากกว่าจะไว้ใจกุญแจบ้าน ๆ เพราะด้วยระบบที่ถูกออกแบบมาอย่างดี หลายคนเลยหลวมตัวฝากชีวิตรถน้อย ๆ
ไว้ที่ระบบอัจฉริยะ
แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งระบบฉลาดมากเท่าไร นักโจรกรรมชั้นเซียนก็ยิ่งหวานหมูมากขึ้นเท่านั้น ปัญหารถหายไม่เท่าไร แต่ถ้า
เสียชีวิตด้วยนี่คงไม่มีระบบป้องกันภัยตัวไหนมาชุบชีวิตให้คุณได้
กรณีล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครมและสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก ก็คือข่าวรถยนต์ Jeep และ Chrysler หลาย
รุ่นสามารถถูกโจรกรรมผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยแฮ๊คเกอร์ผู้ไม่ประสงค์ดีทั้งหลาย
แฮ๊คเกอร์ผู้ใช้ความสามารถในทางที่ผิดสามารถสั่ง ตัดการทำงานของเบรก, สั่งดับเครื่องยนต์, สั่งบังคับพวงมาลัย หรือทำ
ให้ระบบอิเล็กทรอนิคส์ทั้งหมดภายในรถให้รวนได้โดยปลายนิ้วภายในห้องนั่งเล่นเท่านั้น
รถยนต์ที่ถูกเป็นเป้าหมายจู่โจมของแฮ๊คเกอร์ทั้งหลายก็คือ Jeep Cherokees, Chrysler 200s, Dodge Rams และอีก
หลายรุ่น
ช่องโหว่สำคัญที่ทำให้บรรดาแฮ๊คเกอร์พากันรุมสกรัมรถยนต์ Jeep และ Chrysler ทั้งหลายก็เนื่องมาจากระบบเชื่อมต่อ
UConnect ที่ยืนพื้นการส่งข้อมูลบนเครือข่ายโทรศัพท์ Sprint
Charlie Miller และ Chris Valasek นักวิจัยระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ได้สาธิตปฏิบัติการจู่โจม (ไฮแจ๊ค) ยึดรถ
Jeep Cherokee ด้วยการสั่งงานผ่านคอมพิวเตอร์ในห้องนั่งเล่น ได้แก่ สั่งล๊อประตู, สั่งหักเลี้ยวพวงมาลัยโดยพละการ
และที่เลวร้ายที่สุดคือสั่งตัดการทำงานระบบเบรกทิ้ง ก็น่าคิดว่าหากผู้ขับขี่เจอเหตุการณ์เหล่านี้คงแย่แน่ ๆ
Charlie Miller ยืนยันว่าเขาสามารถแฮ๊ครถยนต์ Chrysler ทุกคันที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาหากรถเหล่านั้นมีการเชื่อมต่อ
ผ่านเครือข่าย Sprint
แต่ใช่ว่ารถยี่ห้ออื่นจะปลอดภัยจากการถูกบุกรุก Miller ให้เหตุผลว่าทีมวิจัยและพัฒนาของพวกเขาไม่ได้มีเงินถุงถังซื้อ
รถยนต์ Ford และ GM มาทดสอบการโจรกรรมในครั้งนี้
Chrysler ยอมรับกับสำนักข่าว CNNMoney ว่า สาเหตุที่ทำให้แฮ๊คเกอร์สามารถรุกล้ำระบบอิเล็กทรอนิคส์ในรถได้
เนื่องจาก Chrysler ทิ้งช่องทางการสื่อสารช่องสัญญาณหนึ่งเอา ทำให้บุคคลใครก็ได้สามาถรุกล้ำระบบภายในรถได้ทันที
ดังนั้นลูกค้า Chrysler ทุกท่านจึงควรเร่งอัพเกรดซอฟท์แวร์ใหม่ด้วยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โชคดีที่ทั้ง Miller and Valasek ได้เสนองานวิจัยของพวกเขาให้แก่ Chrysler ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วเพื่อนำไปแก้ไข
ปัญหา
ความเสี่ยงของรถยนต์ทุกวันนี้คือการติดตั้งระบบเชื่อมต่อไร้สาย เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ติดล้อซึ่ง Charlie Miller และ
Chris Valasek ก็ได้ชี้ช่องและสาธิตให้ผู้ผลิตรถยนต์พึงระวังระบบการเชื่อมต่อไร้สายเมื่อปี 2013 มาก่อนแล้ว เพื่อ
เตือนใจว่ารถทุกคันสามารถโดนแฮ๊คได้
พวกเขาเคยสาธิตการทำงานระบบ infotainment ที่สามารถสั่งปิดแอร์, เร่งเสียงวิทยุและเปลี่ยนหน้าจอนำทางได้ และ
การสาธิตครั้งล่าสุดก็แสดงให้เห็นความน่ากลัวของการรุกล้ำผ่านทางออนไลน์จนกุมหัวใจหลักของระบบรถยนต์ได้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย, เบรกและคันเร่ง
ผู้วิจัยทั้ง 2 ยืนยันว่า Sprint โอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถป้องกันการโจมตี แต่ Sprint
กลับไม่ได้พูดรายละเอียดการป้องกันการโจมตีกับทาง CNNMoney บอกได้แค่ว่า พวกเขากำลังงานร่วมกับ Chrysler
เพื่อปกป้องจากภัยครั้งนี้
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องโด่งดังระดับชาติ เมื่อ 2 วุฒิสภานำกฎหมายสร้างความปลอดภัยระดับชาติและมาตรฐานความเป็น
ส่วนตัวในรถยนต์และมีการจัดเรตระบบเพื่อระบุว่ารถคันนี้มีระดับการปกป้องจากการโจมตีได้ในระดับไหน
Chrysler ไม่รอช้าสั่ง Recall รถยนต์ในเครือ 1.4 ล้านคันที่มีโอกาสถูกจู่โจมไฮแจ๊คจากช่องโหว่ในระบบเชื่อมต่อ
UConnect
เจ้าของรถที่ครอบครองรถต้องสงสัยไม่จำเป็นต้องนำรถเข้ามาอัพเกรดซอฟท์แวร์ทีดีลเลอร์เพียงแค่เจ้าของรถรอรับ USB
Dongle ที่บรรจุซอฟท์แวร์รุ่นใหม่แล้วติดตั้งผ่านช่องพอร์ตบนแดชบอร์ดเท่านั้น
Miller หนึ่งใน 2 ผู้วิจัยที่ค้นพบการไฮแจ๊ครถยนต์ Chrysler ผ่านระบบ UConnect ได้กล่าวว่า ยินดีอย่างมากที่
Chrysler ที่รีบแก้ไขข้อบกพร่องตามที่เสนอ และยังเสนอความเห็นอีกว่า ควรป้องกันการโจมตีผ่านเครือข่ายมือถือ Sprint
ให้ได้ก่อน ถ้าหากแก้ไขช่องโหว่นี้ได้สำเร็จบริษัทรถก็ไม่ต้องกังวลกับระบบภายในรถเลย
และนี่คือรถยนต์ที่ควรอัพเกรดซอฟท์แวร์โดยด่วน
2013-2015 MY Dodge Viper
2013-2015 Ram 1500, 2500 และ 3500
2013-2015 Ram 3500, 4500, 5500 Chassis Cabs
2014-2015 Jeep Grand Cherokee และ Cherokee
2014-2015 Dodge Durango
2015 MY Chrysler 200, Chrysler 300 และ Dodge Charger
2015 Dodge Challenger