SUV เป็นทีนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่แทบจะขายดีที่สุดแล้วเนื่องจากเนื่องจากลูกค้า
รู้สึกปลอดภัยกว่าด้วยขนาดตัวถังและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ผู้ผลิตรถยนต์มักจะบรรยายสรรพคุณว่าดีกว่าระบบ
ขับเคลื่อน 2 ล้อแน่นอน แต่ถ้าเป็นในวันที่หิมะตกระบบดังกล่าวจะช่วยได้จริงๆหรือ Consumer Reports
มีคำตอบให้เรียบร้อยแล้ว
ตามข้อมูลกระทรวงขนส่งของประเทศสหรัฐเปิดเผยว่าในแต่ละปีนั้นจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 150,000 รายและ
ผู้เสียชีวิต 2,000 รายจากอุบัติเหตุรถยนต์โดยที่ 41% ของสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้นมาจากสภาพถนนที่ปกคลุม
ไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง Consumer Reports จึงนำ Toyota Camry รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและ Honda CR-V รุ่น
ขับเคลื่อน 4 ล้อมาทดสอบขับในสภาพถนนเดียวกันซึ่งได้ผลทดสอบดังนี้
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อส่วนช่วยอย่างมากในการขับขึ้นทางลาดที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแต่ในเรื่องของการเบรกและการ
เข้าโค้งนั้นปรากฏว่าคุณงามความดีนั้นไม่แตกต่างจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อเท่าไหร่เลย แต่กลายเป็นว่ายางสำหรับ
วิ่งบนหิมะเสียอีกที่ช่วยทำให้สมรรถนะในการควบคุมรถยนต์ในสภาพอากาศเลวร้ายดีขึ้น โดยที่เมื่อทั้งคู่ใช้ยาง
สำหรับวิ่งบนหิมะและทดสอบเบรกจากความเร็ว 96 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนรถหยุดสนิท Camry ใช้ระยะทาง 90.8 เมตร
ในการหยุดรถ ส่วน CR-V ใช้มากกว่านิดหน่อยที่ 95.7 เมตร
แต่ถ้าหากใช้ยางสำหรับทุกฤดูกาลนั้นประสิทธิภาพการเบรกของ CR-V จะลดลงถึง 2 เท่าซึ่งต้องใช้ระยะทางถึง
203.6 เมตรเพื่อหยุดรถจากความเร็วที่เท่ากัน ส่วนความสามารถในการเข้าโค้งนั้น Consumer Reports ได้นำรถยนต์
ขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นอื่นๆมาร่วมทดสอบด้วยและพบว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ full time นั้นสามารถเข้าโค้งได้ดีกว่า
แต่ถ้าแบบ part time จะมีความสามารถที่ด้อยกว่าด้วยเหตุที่ว่าบางครั้งระบบไม่ตัดต่อส่งกำลังไปยังล้อหลังหรือบางครั้ง
ก็ส่งมากเกินไปจนล้อหมุนฟรี
ในตอนท้าย Consumer Reports แนะนำว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มซื้อรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อที่ราคาแพงกว่า
รุ่นธรรมดาของรถยนต์รุ่นเดียวกัน เนื่องจากถ้าอยากได้เพียงความมั่นใจในการขับขี่ในวันที่หิมะตกหนักนั้น ยางสำหรับ
วิ่งบนหิมะตอบโจทย์ได้ดีกว่าและช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าด้วย
ที่มา : autoevolution