ผู้ใช้รถหลายคนต้องเคยมีประสบการณ์จอดรถริมถนนแล้วลงไปยืนเกาหัวว่าจะเอาอย่างไรดีเพราะปัญหายางแบน
อย่างแน่นอน ซึ่งคงจะดีไม่น้อยถ้าตอนซื้อรถเราเลือกได้ว่าจะเอายางอะไหล่หรือจะเอาชุดปะยางที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รวมถึงประเทศสหรัฐที่พบว่า 36% ของรถยนต์ที่ออกขายในปีนี้ไม่มียางอะไหล่ให้ไปด้วย

สมาพันธ์รถยนต์แห่งประเทศสหรัฐ หรือ Association of American Automobile (AAA) เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า
ใน 10 ปีที่ผ่านมามีรถยนต์จำนวนมากถึง 10 ล้านคันที่ใส่ชุดปะยางมาให้แทนที่ยางอะไหล่และสัดส่วนในแต่ละปีนั้นเพิ่มขึ้น
อย่างเห็นได้ชัดเพราะในปี 2006 นั้นมีเพียง 5% ของรถยนต์ที่ออกจำหน่ายเท่านั้นที่ไม่มียางอะไหล่แต่ในปี 2015 กลับมากขึ้น
ไปถึง 36% แล้ว

AAA ยังเปิดเผยต่อด้วยว่าสาเหตุที่ผู้ผลิตรถยนต์เห็นดีเห็นงามกับแนวคิดนี้เพราะพวกเขาอ้างว่าการให้ชุดปะยางแทนที่
ยางอะไหล่นั้นช่วยให้ประสิทธิภาพการบริโภคน้ำมันดีขึ้นเพราะรถไม่ต้องแบบน้ำหนักเป็น 10 กิโลกรัมเนื่องจากยางอะไหล่
มีน้ำหนักประมาณ 13 กิโลกรัมแต่ชุดปะยางมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัมแต่หลายฝ่ายเชื่อว่าจริงๆแล้วมันก็แค่การตัดราคา
ต้นทุนรถยนต์เพื่อหากำไรเพิ่มมากกว่าเพราะถ้าอยากลดน้ำหนักส่วนเกินนั้นเอาเวลาไปพัฒนาตัวถังรถยนต์ไม่ดีกว่าหรือ

John Nielsen หัวหน้าของ AAA กล่าวว่าปัญหายางแบนนั้นไม่ได้หายไปแต่ยางอะไหล่กลับหายไปแทนเนื่องจากองค์กรนี้
ได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเรื่องยางแบนมากกว่า 4 ล้านครั้งต่อปีซึ่งแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่พัฒนามาให้ยางทนทาน
ขึ้นรวมถึงชุดปะยาง แต่ปริมาณปัญหายางแบนไม่เคยลดลงเลยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ทาง AAA ยังได้ทำการทดสอบการใช้งานชุดปะยางและพบว่าจะใช้งานได้จริงในบางสถานการณ์เท่านั้นโดยที่เงื่อนไขคือ
เนื้อยางด้านในต้องถูกตำจนทะลุน้ำยาถึงเข้าจะไปประสานเนื้อให้ได้แต่ความซวยจะมาเยือนถ้าหากยางได้รับความเสียหาย
ด้านข้างของยางซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้ต้องเปลี่ยนยางอย่างเดียว จึงจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีโบราณอย่างการมียางอะไหล่ให้มานั้น
ดีกว่าเยอะ

นอกจากนี้งานวิจัยดังกล่าวยังเผยข้อมูลที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับความสามารถในการเปลี่ยนยางด้วย ซึ่งพบว่า
1 ใน 5 ของผู้ใช้รถอายุ 18-34 ปีเปลี่ยนยางไม่เป็นแต่นับขับอายุ 35-54 ปีจำนวนมาถึง 90% บอกว่าทำเป็นซึ่งพอแยก
ออกมาเป็นเพศจะพบว่า 97% ของผู้ชายนั้นทำได้ส่วนผู้หญิงจะลดลงเหลือ 68% เท่านั้นที่บอกว่าเปลี่ยนยางเองเป็น

ที่มา : autoevolution