โดยปกติแล้วออพชั่น ESP มักเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ค่ายรถในไทยยังเลือกที่จะติดตั้งในรถบางรุ่นหรือบางเกรดย่อย
แต่มิได้ติดตั้งในรถยนต์ที่ขายทุกคันซึ่งเราก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงไม่ติดตั้งให้ครบทุกรุ่นเหมือนพวกถุงลมนิรภัยหรือเบรก
ABS ไปเสีย

และเมื่อหันกลับมาดูโซนยุโรปกันบ้าง เราก็พบว่าในตอนนี้สหภาพยุโรปได้ออกกฎบังคับให้รถยนต์ที่จดทะเบียนเป็น
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์น้ำหนักไม่เกิน 3.5 เมตริกตันต้องติดตั้งระบบช่วยการทรงตัว ESP ทุกคัน
นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป มีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปีหลังจากออกกฎ

Gerhard Steiger ประธานฝ่ายพัฒนาระบบช่วยการทรงตัวแห่ง Bosch ยืนยันว่า การมีระบบ ESP มันเป็นระบบช่วยชีวิต
จากผลสำรวจตั้งแต่ปี 2011 ก็พบว่า ระบบ ESP สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ 33,000 ครั้งและช่วยชีวิตคนได้ 1,000 คน
แม้ว่ารถยนต์ที่ติดตั้ง ESP ในวันนี้จะมีเพียงแค่ 40% และนับตั้งแต่เปิดตัวระบบ ESP ในปี 1998 ระบบ ESP สามารถช่วย
ป้องกันอุบัติเหตุได้ 190,000 ครั้งและช่วยชีวิตคนทั่วยุโรปมากถึง 6,000 คน

กฎการบังคับให้รถทุกคนติดตั้ง ESP ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เหมือนสมัยที่เคยออกกฎให้รถทุกคนต้องมีเข็ม
ขัดนิรภัย นั่นเป็นเพราะว่าระบบ ESP มีความสำคัญมากกว่าถุงลมนิรภัยเสียอีก โดย Bosch ได้เปิดตัวเทคโนโลยีช่วยการ
ทรงตัวนี้และเริ่มผลิตติดตั้งลงในรถยนต์ขึ้นสายการผลิตจริงในปี 1995 จนถึงตอนนี้ Bosch สามารถผลิตชุด ESP ได้
มากกว่า 100 ล้านชิ้น

ปัจจุบัน Bosch เป็นผู้นำการผลิตระบบ ESP สำหรับรถยนต์ใหม่ที่ขายในยุโรปประจำปี 2014 ด้วยอัตราส่วนสูงถึง 84%
แต่สำหรับตลาดโลก Bosch กินส่วนการตลาดเพียงแค่ 59% เท่านั้น

สำหรับประเทศไทยคงต้องลุ้นกันว่า ผู้ผลิตจะจริงใจติดระบบ ESP ให้กับรถทุกรุ่นได้ตอนไหน?

ที่มา : Worldcarfans