แม้ Nissan เพิ่งขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ของโลกร่วมกับ Renault ในไม่ช้านี้นัก แต่สำหรับตลาด Hybrid นั้น Nissan กลับไม่สามารถช่วงชิงโอกาสกวาดเก็บยอดขายรถยนต์ในตลาดนี้นานถึง 10 ปี ซึ่งตลาดนี้ที่นับวันเริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องจากราคาปลีกน้ำมันผันผวนตลอดเวลา ผู้บริโภคส่วนใหญ่ล้วนมีอาการหวาดระแวงราคาน้ำมันพุ่งสูงอยู่เสมอ

 

 

Nissan จึงพยายามแก้เกมชั่วคราวด้วยการขอความช่วยเหลือจาก Toyota เจ้าตลาดรถยนต์ Hybrid ระดับโลกให้นำชุดมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่มาติดตั้งใน Nissan Altima ก่อนในปี 2006 จำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะเพื่อแก้ขัดระหว่างรอ Nissan พัฒนาขุมพลัง Hybrid ด้วยตนเองซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้วี่แววเลยว่ามันจะเสร็จทันกันช่วงไหน

จนกระทั่งถึงปี 2008 Nissan ก็เริ่มแนะนำเทคโนโลยี Hybrid เป็นของตัวเองครั้งแรกในโลกเสียที เพียงแต่ช่วงนั้นรถโปรโตไทป์ทดสอบขุมพลัง Hybrid ของตนเอง Nissan นำรถยนต์ซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง Nissan Skyline มาอวดระบบการทำงานให้สื่อมวลชนได้ชมและทดสอบประสิทธิภาพกันถ้วนหน้า

ระบบ Hybrid ของ Nissan แตกต่างจาก Toyota ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด พร้อมชุดคลัทช์ตัดต่อกำลัง 2 ชุดตัดต่อกำลังที่ได้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในแยกจากกัน หากเป็นระบบ Hybrid ของ Toyota จะต้องติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 2 ชุดด้วยกัน ในเมื่อเป็นผู้ตามในด้านนี้ Nissan ก็ต้องพัฒนาระบบ Hybrid ให้โดดเด่นเหนือกว่าเจ้าตลาดอันเป็นกลไกปกติของการแข่งขันซึ่ง Nissan เคลมว่าระบบ Hybrid ของตนมีต้นทุนต่ำกว่าของ Toyota เสียอีก !!

วันนี้ Nissan นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาบรรจุลงใน Nissan Fuga Hybrid อย่างเป็นทางการแล้ว ถือว่ารถยนต์คันนี้เป็นรถ Hybrid รุ่นแรกที่ Nissan พัฒนาด้วยตนเองล้วน ๆ 100% โดยไม่ต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีจาก Toyota อีกต่อไป

จุดเด่นของ Nissan Fuga Hybrid นอกเหนือจากต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่าระบบ Hybrid ของ Toyota Crown Hybrid แล้ว Nissan Fuga Hybrid ยังอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าถึง 19 กิโลเมตรต่อลิตรภายใต้การทดสอบโหมด 10-15 มาตรฐานประเทศญี่ปุ่นเมื่อเปรียบเทียบกับ Toyota Crown Hybrid ที่มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำกว่าราว 15.8 กิโลเมตรต่อลิตรภายใต้การทดสอบโหมด 10-15 เช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็น่าจะขนานนามให้ Nissan Fuga Hybrid ประหยัดน้ำมันที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ Hybrid ที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน 3.5 ลิตรด้วยกัน

ไหน ๆ ก็จับรถทั้งคู่มาเปรียบเทียบประสิทธิภาพกันแล้ว เราจึงขอจับคู่ด้านการปล่อยค่าไอเสียดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบผลแล้วเราพบว่า Nissan Fuga Hybrid ปล่อยไอเสีย CO2 เพียงแค่ 122 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับ Toyota Crown Hybrid ปล่อยไอเสีย CO2 ถึง 147 กรัมต่อกิโลเมตร

ก็ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีคลัชคู่ตัดต่อกำลังระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในแยกจากกันโดยมีชื่อเครื่องหมายทางการค้าว่า Intelligent Dual Clutch Control โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Torque Converter มาช่วยอีกต่อไป น้ำหนักเบา, ลดความซับซ้อนด้านชิ้นส่วน, มีประสิทธิภาพสูงมากทั้งอัตราสิ้นเปลืองและสมรรถนะ รวมไปถึงการทำงานที่เงียบสงบยิ่งกว่า

ขุมพลัง Nissan Fuga Hybrid ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในบล๊อกรหัส VQ35HR V6 DOHC ความจุกระบอกสูบ 3,498 ซีซี 24 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 35.7 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ผนึกกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส HM34 68 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 27.5 กิโลกรัมเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนที่ถูกผลิตโดย NEC Corp จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ

จุดเด่นมิใช่แค่เพียงประสิทธิภาพของระบบ Hybrid ที่โดดเด่นเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการขับขี่ที่เปี่ยมไปด้วยความสปอร์ต ไล่ตั้งแต่การใช้โช๊คอัพลูกสูบคู่, ติดตั้งพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฮโดรลิค-ไฟฟ้าครั้งแรก และระบบเบรคอัจฉริยะ

ราคาจำหน่าย Nissan Fuga Hybrid เริ่มต้นที่ 5,775,000 เยน ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Toyota Crown Hybrid ได้สมน้ำสมเนื้อ เริ่มอวดโฉมบนโชว์รูมในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป

ส่วน Nissan เตรียมนำขุมพลัง Hybrid แบบคลัตช์ตัดต่อกำลังคู่ใส่ในรถยนต์รุ่นอื่นด้วยหรือไม่ งานนี้ Mr. Toshiyuki Shiga ดำรงตำแหน่ง COO ประจำ Nissan Motor กล่าวเพิ่มเติมขณะเปิดตัว Nissan Fuga Hybrid ว่า Nissan มีแผนที่จะนำระบบ Hybrid ไปติดตั้งรถยนต์รุ่นอื่นแน่นอน รวมไปถึงรถยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าซึ่ง Mr.Shiga คงต้องขออุบเอาไว้ก่อน งานนี้อยากให้ผู้อ่านจับตา Nissan Hybrid ให้ดี ๆ ครับ