ดูเหมือนว่าการสร้างกระแสภาพหลุดของ Nissan GT-R Minorchange ไม่ค่อยเรียกเสียงฮือฮาเท่าไรนัก เราต้องอย่าลืมว่ามุขนี้ควรจะใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการเปลี่ยนโฉมมากกว่าจะเป็นรถรุ่นปรับโฉมเท่านั้น อย่างไรก็ตามความน่าสนใจของ Nissan GT-R Minorchange ก็ยังมีอยู่
วันนี้ ( 18 ตุลาคม 2010 ) Nissan Motor ก็เปิดเผยโฉมหน้า GT-R Minorchange อย่างเป็นทางการ(เสียที) ผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วเกาะญี่ปุ่นภายใน 17 พฤศจิกายนนี้
Nissan GT-R Minorchange ไม่ได้มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น รวมไปถึงปรับปรุงการบังคับควบคุมให้ดีขึ้นอีกด้วยซึ่งถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานแนวคิด สมรรถนะอันหลากหลายและตอบสนองการขับขี่ที่ดีที่สุดในโลก
ดีไซน์ภายนอก Nissan พยายามปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนต่าง ๆ จนให้ได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำลงจาก 0.27 เป็น 0.26 ด้วยการเปลี่ยนชุดกระจังหน้าใหม่ที่มีช่องรับลมด้านหน้ากว้างกว่าเดิม, กันชนหน้าใหม่ถูกออกแบบเพื่อให้เหมาะสมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ลดแรงกดลงได้ 10% พร้อมทั้งติดตั้งหลอดไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ LED
กันชนหลังถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงกว่ารุ่นเดิม อีกทั้งออกแบบให้มีการกระจายลมไปด้านหลังได้ดีขึ้น พร้อมทั้งหม้อท่อไอเสียใหม่ทำให้บั้นท้ายสามารถลดแรงกดอากาศได้ถึง 10% นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยท่อไอเสียท้ายทรงใหม่ดูสวยขึ้น
ภายใน Nissan GT-R พบกับความเปลี่ยนแปลงบางจุดที่เราสามารถมองเห็นได้นั่นก็คือ แผงควบคุมกลางและหน้าจอนำทางถูกออกแบบปุ่มการใช้งานใหม่, ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยคาร์บอนไฟเบอร์, เปลี่ยนเบาะนั่งใหม่
เครื่องยนต์กลไกคือไฮไลต์สำคัญ Nissan เพิ่มกำลังอัดให้กับเทอร์โบชาร์จเจอร์, วาล์วไทม์มิ่ง และอัตราส่วนผสมอากาศ, ลดความต้านอากาศท่อไอดีด้วยการขยายเส้นผ่าศูนย์กลางท่อไอดีและลดความต้านอากาศไอเสียด้วยการขยายท่อไอเสีย ผลลัพธ์ก็คือสมรรถนะถูกเพิ่มจาก 485 แรงม้า กลายเป็น 530 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดถูกเพิ่มจาก 60.0 กิโลกรัมเมตรที่รอบระหว่าง 3,200-5,000 รอบต่อนาที เป็น 62.5 กิโลกรัมเมตรที่รอบระหว่าง 3,200-6,000 รอบต่อนาที แถมยังมีอัตราสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 8.5 กิโลเมตรต่อลิตรในโหมด 10-15 หรือ 8.6 กิโลเมตรต่อลิตรในโหมด JC08
เพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาเริ่มทำงานเมื่อรถยนต์เคลื่อนที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, ติดตั้งสตรัทบาร์เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของการบิดตัวและตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น, ช่วงล่างด้านหน้ามีการปรับปรุงสปริง ลูกสูบโช๊คอัพทำจากวัสดุอลูมิเนียม และติดตั้งเหล็กกันโคลงหน้าที่ถูกออกแบบใหม่ ส่วนช่วงล่างด้านหลังก็มีการปรับปรุงจุดศูนย์ถ่วงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้ง
สำหรับรุ่น Spec V จะถูกอัพเกรดแรงบิดเครื่องยนต์เป็น 63.83 กิโลกรัมเมตรพร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพระบบเบรคและจูนระบบควบคุมการทรงตัว VDC ให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
หากคุณรู้สึกว่า Nissan GT-R Spec V ยังไม่ซาบซ่าพอเห็นทีคุณจะต้องเลือกเวอร์ชัน ClubTrack ถอดแบบมาจากรถแข่งในสนาม Circuit โดยรับรองมาตรฐานจากโรงงานอย่างเป็นทางการเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตของคุณ
พิเศษสุด Nissan ยังเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้พิถีพิถันในการเลือกรถด้วยเวอร์ชัน Egoist น่าจะมีความนัยจากคำว่า Ego และ ist แปลกันตรง ๆ ผู้ยึดถืออัตตา รถคันนี้ก็คงจะเหมาะสำหรับลูกค้าที่ชอบมากเรื่องเป็นอย่างมากเพราะให้คุณสามารถจับคู่สีสูงสุดถึง 20 รูปแบบ อันได้แก่ สีภายในห้องโดยสารส่วนบน 4 สีและสีห้องโดยสารส่วนล่าง (เบาะนั่ง, แผงหุ้มประตู) 10 สี
ลายเบาะนั่งถูกออกแบบให้เป็นลวดลายตะแกรงช่วยยึดเกาะผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น, พวงมาลัยติดตั้งโลโก้ GT-R ที่ถูกแกะสลักโดย Mr. Sakae Kubota นักแกะสลักชื่อดังในญี่ปุ่นเคลือบเงาอย่างดี, ชุดเครื่องเสียง Bose ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ขับขี่ที่ต่างกันได้
หลังจากวางจำหน่ายในญี่ปุ่นวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้แล้ว ตลาดต่อไปที่มีโอกาสยลโฉม Nissan GT-R Minorchange ก็คือตลาดอเมริกาเหนือ, ตลาดยุโรปและตลาดอื่น ๆ เตรียมสัมผัสได้ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011 อีกทั้ง Nissan อาจจะส่งเวอร์ชัน Egois ในตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง รวมไปถึงเวอร์ชัน ClubTrack ในตลาดยุโรปอีกด้วย