สิ้นสุดการรอคอย ! All New Mazda 6 เจเนเรชั่นใหม่ก็ได้เปิดเผยโฉมและรายละเอียดที่สำคัญผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตก่อนที่
จะอวดโฉมในงาน Moscow Motorshow 2012 เป็นที่แรกในโลก และหลังจากนั้นก็ขึ้นแท่นอวดโฉมในงาน Paris
Motorshow 2012 ในเดือนกันยายน ชูจุดเด่นรถยนต์ D-Segment ที่ติดตั้งเทคโนโลยี SKYACTIV “ทั้งคัน” ภายใต้งาน
ดีไซน์แนวคิดใหม่ KUDO – Soul of Motion ซึ่ง Mazda พยายามอย่างหนักที่จะทำรถออกมาให้ดูดี, ชาญฉลาดและ
กล้าหาญและมีสมรรถนะเพื่อสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่น
Hiroshi Kajiyama ผู้จัดการโปรแกรมของ Mazda 6 โฉมใหม่ เปิดเผยว่า “ในขั้นตอนพัฒนา Mazda 6 เจเนเรชั่นที่ 3
เราได้ใส่คุณค่าความเป็น Mazda ลงไป นั่นคือ “ความโปรดปรานในการขับขี่” เราอยากจะสร้างรถที่ตอบสนองและปฏิบัติ
ตัวตามที่คุณต้องการให้เป็นส่วนหนึ่งของรถ ราวกับว่ารถยนต์เป็นอวัยวะหนึ่งของผู้ขับขี่”
นอกจากนี้เขายังได้อธิบายถึงบุคลิคของ Mazda 6 โฉมใหม่ว่า “ตัวรถมีการออกแบบที่โดดเด่นจะแสดงออกถึงอำนาจและ
ความคล่องตัวขณะเคลื่อนไหว และยังมีนวัตกรรมต้นแบบผนวกกับความสบายและความสนุกสนานในการขับขี่ ทีมวิศวกร
Mazda ระดับสุดยอดจะช่วยรังสรรค์ให้รถมีการขับขี่ที่ตอบสนองผู้ขับขี่โดยตรง มากกว่าที่จะสร้างความเด่นชัดในทาง
กายภาพ เช่น พวงมาลัย, การเบรคและอัตราเร่ง Mazda 6 โฉมใหม่จึงเป็นรถที่จะสร้างความสุขในการขับขี่สำหรับคนที่
คาดหวังจากรถ Mazda พวกเขารอไม่ไหวที่จะได้เห็นลูกค้ายิ้มหลังจากรับรถ Mazda 6 รุ่นใหม่เป็นครั้งแรก”
งานออกแบบ Mazda 6 เจเนเรชั่นใหม่ได้รับอิทธิพลจากรถต้นแบบ Takeri Concept ซึ่งเป็นรถซีดานใหญ่ที่เคยอวดโฉม
ในงาน Tokyo Motorshow 2011 โดยรวมตัวรถจะต้องเตี้ย, เน้นความกว้างเพื่อให้ดูแข็งแกร่งและแลดูมันคง และ
สามารถสร้างความประทับใจน่าตื่นเต้นโดยไม่ลดความน่าดึงดูดใจและความงามระดับสากล
Akira Tamatani หัวหน้าผู้รับผิดชอบการออกแบบ Mazda 6 เจเนเรชั่นใหม่ กล่าวว่า “เราได้ออกแบบให้มีความ
กระตือรือร้นและปราดเปรียวสามารถแสดงออกถึงความมีประสิทธิภาพ เพียงแค่ลูกค้ามองไปที่รถลูกค้าก็สามารถคาดหวัง
ตัวรถได้”
ด้านหน้าออกแบบกระจังหน้าคล้ายปีกนกแบบใหม่ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Mazda มีมิติความลึกตื้น ฝากระโปรง
หน้าก็ออกแบบให้มีสันรับกับกระจังหน้าแบบใหม่ เส้นสายด้านข้างมีความหรูหรา ซุ้มโป่งล้อหน้าโค้งลากยาวจนเป็นเส้น
ด้านข้างรถ บั้นท้ายมีสัดส่วนสวยงามลงตัว และสีที่ Mazda ใช้ในการเปิดตัวคือสี Soul Red
ภายในห้องโดยสารจะถูกออกแบบให้เน้นความสำคัญของผู้ขับขี่เป็นหลัก แผงมาตรวัด 3 วงมีความสูงไม่เกินขอบฝา
กระโปรงหน้าทำให้รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ พื้นที่ฝั่งผู้โดยสารให้รู้สึกเหมือนเปิดกว้างและปลอดภัย นั่นเป็นเพราะการจัดวางห้อง
โดยสารเป็นแบบแนวกว้าง นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยวัสดุนุ่มในจุดที่ทุกคนสัมผัสบ่อย ๆ และยังมีชุดสีตกแต่งให้เลือก 2
แบบคือ ‘Bordeaux metal’ และ ‘Dark metal’
Mazda 6 โฉมใหม่มีความประณีตในการสร้างเป็นอย่างมากเพื่อให้สมกับเป็นรถที่ทุกคนโปรดปรานในด้านการขับขี่ ไม่ว่า
จะเป็นงานออกแบบ, งานวิศวกรรม, การใช้วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม นอกจากนี้จะต้องทำให้ผู้โดยสารทุกคนรู้สึกถึง
ความเป็นหนึ่งเดียวของรถคันนี้ให้ได้ด้วย
ความสบายของ Mazda 6 โฉมใหม่ที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็มีไม่น้อย เพราะแนวคิด KUDO จะหมายถึงความหรูหราและ
สะดวกสบายด้วย เริ่มจากความยาวฐานล้อ 2,830 มม. พร้อมติดตั้งยางขอบล้อ 19 นิ้ว ถือเป็นรถ D-Segment ที่มี
ความยาวมากที่สุดในบรรดารถญี่ปุ่นด้วยกัน จะช่วยเพิ่มความสบายให้แก่ผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากนี้การขยายระยะ
ฐานล้อก็ส่งผลให้ระยะล้อหน้าถูกขยับออกไปประมาณ 100 มม.หรือแทบจะชิดขอบมุมด้านหน้ารถ ส่วนด้านหลังก็มีระยะ
ยื่นน้อยกว่ารุ่นเดิมพอสมควร
ผู้โดยสารตอนหน้าจะสัมผัสความสบายจากเนื้อที่หัวไหล่ที่เพิ่มขึ้น 20 มม., ออกแบบมุมคอนโซลกลางแบบมุมมนขนาด
ใหญ่, เนื้อที่หัวเข่ามากกว่าเดิม 43 มม.จน Mazda เคลมว่ากว้างที่สุดในบรรดารถระดับเดียวกัน, มีเนื้อที่วางเท้ายาวถึง
984 มม. ยาวกว่าเดิม 20 มม. เบาะหลังเพิ่มความยาวส่วนรองนั่งอีก 20 มม. พนักพิงหลังเพิ่มความยาวอีก 33 มม. และ
ทางเข้าห้องสัมภาระหลังเพิ่มขึ้นอีก 32 มม.
โครงสร้างตัวถังและช่วงล่างใช้วัสดุเหล็กกล้าทนทานต่อการบิดตัวสูงภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV จะช่วยเพิ่มความ
คล่องตัวขณะวิ่งความเร็วถึงปานกลาง แต่จะเพิ่มความมั่นใจขณะวิ่งความเร็วสูง, พวงมาลัยไฟฟ้าถูกปรับแต่งออกมาให้
เฉียบคม, ปรับแต่งตัวรถให้ถูกต้องตามหลักสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจนมีค่า CD ที่ 0.26
ขุมพลัง SKYACTIV มีให้เลือกสองแบบ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร ให้แรงบิดสูงในรอบความเร็วต่ำทำให้การตอบสนอง
แม่นยำในทุกสถานการณ์มีพละกำลังตามใจสั่ง ให้กำลัง 110 กิโลวัตต์ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน
เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
SKYACTIV 2.5 ลิตร ให้พละกำลัง 141 กิโลวัตต์ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 256 นิวตันเมตรที่ 3,250 รอบต่อ
นาที ทุกเครื่องยนต์จะติดตั้งระบบ idle Stop “i-stop” และระบบ i-ELOOP ระบบสะสมพลังงานจากการเบรคไว้ภายใน
ตัวเก็บประจุ (Capacitor)
กำหนดการทำตลาดมีขึ้นภายในช่วงปลายปีนี้