ในที่สุดการแข่งขันในตลาดรถมินิแวนทรงตู้ขนาดคอมแพคท์ในตลาดกลับมาประทุอีกครั้งหนึ่งเมื่อเจอ “ท่าไม้ตาย” ของผู้นำตลาดหมายออกอาวุธครบมือฟัดคู่แข่งให้จมดินอีกครั้งหนึ่งหรืออย่างน้อยก็ทิ้งห่างคู่แข่งอยู่ห่าง ๆ ระยะหนึ่ง ไม้เด็ดที่ว่านี้หมายถึง All New Nissan Serena เจเนเรชั่นที่ 4
แม้ว่าชื่อ Nissan Serena เคยลงจารึกตลาดรถยนต์บ้านเราในช่วงเศรษฐกิจและภาษีนำเข้ารถยนต์ต่างประเทศรุ่งเรืองอยู่ในช่วงยุค 90 แต่หลังจากนั้นมาชื่อ Serena ก็โดนลบล้างออกจากความทรงจำอย่างรวดเร็ว เพราะค่ายรถเจอมาตรการกำแพงภาษีรถนำเข้าประกอบกับความนิยมรถมินิแวนช่วงนั้นไม่ดีเลยแม้แต่น้อยทำให้สยามกลการงดนำเข้า Nissan Serena อย่างเป็นล่ำเป็นสัน คงมีแค่เพียงสั่งนำเข้า Nissan Serena เจเรชั่นที่ 2 หากลูกค้าชาวไทยต้องการ
แต่สำหรับตลาดญี่ปุ่นชื่อ Serena กลับกลายเป็นรถมินิแวนทรงตู้ขนาดคอมแพคท์ที่สร้างชื่อและยอดขายให้กับ Nissan ในระยะหลัง ๆ ด้วย Nissan Serena เจเรชั่นที่ 3 เปิดตัวภายในเดือนพฤษภาคม 2005 นับตั้งแต่นั้นมา Nissan ก็สามารถคว้ายอดขายรถตู้คันนี้เป็นกอบเป็นกำจนสามารถขึ้นครองตำแหน่งผู้นำยอดขายรถตู้คอมแพคท์อันดับ 1 ในตลาดญี่ปุ่น
ยอดขาย Nissan Serena เจเนเรชั่นที่ 3 เริ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดภายในปี 2007 ด้วยยอดขาย 77,544 คัน ปี 2008 สามารถทำยอดขาย 72,927 คัน ปี 2009 คว้ายอด 78,836 คัน หากนับรวมทุกเจเรชั่น Nissan นับตั้งแต่ Nissan Serena เจเนเรชั่นแรกนับตั้งแต่เดือน มิถุนายน 1991 จนถึงเจเนเรชั่นที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ 2010 ก็มียอดขายสะสมมากถึง 1,006,559 คัน
ใช่ว่า Nissan Serena จะกวาดเก็บยอดขายรถตู้ในกลุ่มนี้อย่างสบายใจนัก Honda ก็ถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่ Nissan จะต้องแข่งขันกันถึงที่สุด Nissan จำเป็นต้องจับตาความเคลื่อนไหวและการทำตลาด Honda StepWGN อยู่ตลอดเวลา เพราะ Honda พัฒนารถของตนให้เหนือกว่าคู่แข่งทุกด้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่พึงกระทำได้ แล้วมันก็ได้ผลเสียด้วยสิ
ดังนั้น Nissan จึงจำเป็นต้องเบิกโรงเปิดเผยโฉม Nissan Serena โฉมใหม่เสียที
Nissan Serena โฉมใหม่นับเป็นเจเนเรชั่นที่ 4 ของรถมินิแวนทรงตู้ขนาดคอมแพคท์เพื่อแข่งขันกับ Honda StepWGN และ Toyota Noah/Voxy เป็นการสานต่อความสำเร็จของเจเนเรชั่นที่แล้วซึ่ง Nissan สามารถคลำหาสูตรสำเร็จความต้องการรถตู้ในตลาดญี่ปุ่นอย่างถ่องแท้ได้เสียที เพียงแค่ลบจุดอ่อนและเพิ่มจุดเด่นเท่านั้น
Nissan ยังคงรักษาแนวทางการออกแบบ Nissan Serena โฉมใหม่ให้คล้ายคงเดิมหรือที่เรียกว่า Serena DNA ด้วยความเป็นรถมินิแวนทรงตู้สูงไม่ลดทอนความสูงหรือสัดส่วนภายนอกผิดเพี้ยนไปจากรุ่นเดิมนัก เพียงแต่ Nissan เพิ่มเส้นสายความทันสมัยมากขึ้น แทนที่จะออกแบบตัวรถให้แข็งกร้าวจนเกินไปนัก
จุดเปลี่ยนการออกแบบภายนอกที่เห็นได้ชัดก็คือกระจกหูช้างหน้าขนาดใหญ่ดูคล้าย Citroen Picasso โฉมปัจจุบันมาก การออกแบบกระจกหูช้างหน้าแบบใหม่นี้เพิ่มทัศนวิสัยด้านข้างเล็กน้อยเพราะช่องกระจกใหญ่ขึ้นทำให้ไม่ต้องออกแบบแผงหุ้มเสาภายในห้องโดยสารหนาจนบิดบังได้
ด้านหน้าถูกแบบให้ดูมนขึ้นเล็กน้อย แม้แนวดีไซน์จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแต่รายละเอียดต่าง ๆ ก็ถูกออกแบบใหม่หมดไมว่าจะเป็นชุดไฟหน้าดูคล้ายของเดิมมีขนาดเล็กลง, ชุดกระจังหน้าทรงใหม่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Nissan Quest โฉมใหม่บริเวณแถบโครเมี่ยมใต้กระจังพร้อมชุดบานเกล็ด 3 ชัดดูคมสัน, ชุดกันชนหน้าปรับปรุงใหม่ดูสปอร์ตปราดเปรียวขึ้น
จุดที่แตกต่างอีกจุดหนึ่งคือการออกแบบเสา D ให้คล้ายเส้น J Line ช่วยลดความน่าเบื่อของโครงสร้างตัวถังได้ดีระดับหนึ่ง ที่สำคัญยังเข้ากับชุดไฟท้ายล้ำสมัยสไตล์เพชรคริสตัล ดูเหมือนมีความเปลี่ยนแปลงเยอะแยะไปหมดแต่ใช่ว่าจะเป็นรถที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งคัน Nissan ยังเลือกแนวการออกแบบเส้นขอบกระจกล่าง (WaistLine) แบบขั้นบรรไดเหมือนกับรุ่นที่แล้ว
ในที่สุดจุดอ่อนของ Nissan Serena โฉมเก่าที่ดูแข็งทื่อและราบเรียบเกินไปก็มลายหายไปเมื่อ Nissan ออกแบบภายใน Serena โฉมใหม่ให้ดูสวยงาม หรูหราและล้ำสมัยขึ้นเอามาก ๆ ดีไซน์แผงแดชบอร์ดทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจจาก Nissan Leaf รวมไปถึง Honda Civic เจเนเรชั่นล่าสุดระดับหนึ่งแน่นอน
จุดเด่นของมันนอกเหนือจากการออกแบบที่ดูสวยงามน่าใช้ขึ้นมาก ๆ ราวกับอยู่คนละโลกแล้วก็คือแผงคอนโซลกลางถูกออกแบบให้เป็นศูนย์รวมชุดเครื่องเสียง, ระบบนำทางและระบบเครื่องปรับอากาศใช้งานง่าย ดูสวยงามและวัสดุพื้นผิวสัมผัสดี
อีกจุดเด่นที่แม้กระทั่งแฟนพันธุ์แท้ Nissan คาดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับรถยนต์ Nissan ยุคนี้นั่นก็คือการออกแบบภายในสุดล้ำด้วยชุดมาตรวัดแบบ Multi Graphic Upper Meter แสดงผลความเร็วรอบ, ความจุเชื้อเพลิงและโหมดประหยัดน้ำมัน ECO ด้วยภาพกราฟิกสีขาว-ฟ้า ออกแบบและจัดวางดูโดดเด่นและล้ำสมัยมากกว่ารถที่ทำตลาดเฉพาะญี่ปุ่นหลายรุ่น
ความยาวห้องโดยสาร Nissan Serena โฉมใหม่ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม 300 มม.ตามที่ Nissan กล่าวอ้างใน Press Release ภายในห้องโดยสารยังคงจุดเด่นการปรับเปลี่ยนพื้นที่ห้องโดยสารด้วยชุดเบาะนั่งเสริมสไลด์ได้แทรกตรงกลางระหว่างเบาะนั่งแถวที่ 1 และแถวที่ 2 เป็นได้ทั้งที่ท้าวแขนและเบาะเสริมสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 ไปในตัว
แต่จุดด้อยที่ยังสู้ Honda StepWGN ไม่ได้จุดหนึ่งก็คือการพับเบาะแถวที่ 3 ยังใช้วิธีแขวนพับเก็บด้านข้างตัวรถ มีข้อด้อยคือเกะกะบดบังทัศนวิสัย แต่ก็มีพื้นที่ความสูงตัวรถเพิ่ม ขณะที่ Honda ใช้วิธีการพับเบาะหมุนกลับเก็บใต้เบาะ แต่ก็ต้องยกพื้นห้องโดยสารให้สูงขึ้นไป ถือว่าได้อย่างเสียอย่างกันครับซึ่ง Nissan ก็พยายามลบจุดด้อยด้วยการเพิ่มช่องกล่องเก็บของท้ายรถเล็กน้อย
ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ก็คือ Nissan โละเครื่องยนต์บล๊อก MR20DE เดิมที่ใช้ร่วมกับ Nissan Teana โฉมปัจจุบันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแล้วหันมาคบกับเครื่องยนต์ใหม่บล๊อก MR20DD ที่ถูกพัฒนาจากพื้นฐาน MR20DE เดิม
จุดเด่นเครื่องยนต์ MR20DD ก็คือการเปลี่ยนระบบการฉีดเชื้อเพลิงแบบตรงหรือ Direct Injection พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน Twin VTC ซึ่ง Nissan อ้างว่าช่วยเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองและสมรรถนะมากขึ้น จับคู่กับเกียร์ XtronicCVT รุ่นใหม่ โดยให้พละกำลังสูงสุด 147 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 21.4 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาทีสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลัง 144 แรงม้าและแรงบิด 21.1 กิโลกรัมเมตร
ระบบ Idle Stop สำหรับ Nissan Serena โฉมใหม่ใช้เทคโนโลยี ECO Motor โดยให้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้งผ่านพูลเล่ย์โดยตรงทำให้ติดเครื่องยนต์เร็วกว่าระบบปกติ ที่สำคัญยังสามารถเปิดเครื่องปรับอากาศขณะจอดรอรถได้ด้วย ไม่ต้องทนร้อนเหมือน Nissan March อีกต่อไป
ผลของการติดตั้งระบบ Idle Stop ล่าสุดส่งผลให้ Nissan Serena โฉมใหม่มีอัตราสิ้นเปลืองในโหมด 10-15 สูงสุด 15.4 กิโลเมตรต่อลิตรดีที่สุดในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อก็มีอัตราสิ้นเปลืองสูงสุดถึง 14.4 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่คู่แข่งมีอัตราสิ้นเปลืองมากถึง 12.6-13.8 กิโลเมตรต่อลิตร
Nissan ตั้งเป้าขาย Serena โฉมใหม่ 5,400 ต่อเดือนตั้งราคาระหว่าง 2,163,000 จนถึง 2,761,000 เยน