สตุ้ดการ์ด. – ปอร์เช่ทำการเปิดตัวรถยนต์ Plug-in ไฮบริดระดับหรูในรูปแบบแกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) เจเนอเรชั่นที่ 2 สู่สายตาชาวโลกแล้ว นั่นคือ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด
(Panamera S E-Hybrid) ที่มาพร้อมกับพละกำลัง 416 แรงม้า เครื่องยนต์ 3 ลิตร V6 ปอร์เช่ได้เพิ่มรุ่นรถให้มากขึ้นถึง 10 รุ่นสำหรับพานาเมร่า (Panamera) เพื่อให้รองรับ
ความเป็นสปอร์ตที่สะดวกสบายได้มากที่สุด ไม่เพียงเท่านี้ปอร์เช่ยังพิถีพิถันในเรื่องการออกแบบให้กับปอร์เช่ใหม่ล่าสุดคันนี้ให้มีรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นสปอร์ต และมีเส้นสายที่
โฉบเฉี่ยว ดังนั้นปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ล่าสุดนี้จึงได้กลายมาเป็นรถที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและสปอร์ตอย่างเต็มพิกัด สะดวกสบายและหรูหราอย่างเหลือล้ำ
แกรน ทัวริสโม่ เจเนอเรชั่นใหม่คันนี้จะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานมหกรรมยานยนต์ Auto China ที่เซียงไฮ้ ประเทศจีน ในวันที่ 21 เมษายน 2013 ที่จะถึงนี้

alt

พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) คือระบบเครื่องยนต์แบบ parallel full hybrids ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความล้ำสมัย มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังมากขึ้น
แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน โดยสามารถให้พลังงานกับเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำได้ถึง 95 แรงม้า (70 กิโลวัตต์) ซึ่งถือได้ว่ามากกว่า
รุ่นเดิมกว่าเท่าตัว ซึ่งรุ่นเดิมทำได้ที่ 47 แรงม้า (34 กิโลวัตต์) พลังงานนั้นได้รับจากแบตเตอรี่แบบลีเธียมไอออน (lithium-ion battery) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และมีกำลัง
ถึง 9.4 กิโลวัตต์/ชม. ซึ่งมากกว่าแบตเตอรี่แบบ nickel metal hydride ที่ใช้อยู่ในรุ่นเดิมที่ทำได้ที่ 1.7 กิโลวัตต์/ชม. อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้แบตเตอรี่นี้ยังสามารถชาร์จไฟผ่าน
เครื่องมือชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) ที่ได้มาตรฐานในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ครึ่งเท่านั้น และหากทำการชาร์จจากปลั๊กไฟธรรมดาภายในบ้านนั้นจะกินเวลาในการชาร์จ
น้อยกว่า 4 ชั่วโมง อีกด้วย

พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ได้รับการพัฒนาในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงให้ดีขึ้นหากเทียบกับรุ่นเดิมซึ่งมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 14 กม./ลิตร
แต่ในรุ่นนี้ประหยัดมากขึ้นอีก 56% โดยอยู่ที่อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 32.2 กม./ลิตร ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมดนั้นได้รับการพัฒนาให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในเรื่องของการขยายช่วงเวลาของการวิ่งด้วยไฟฟ้า และการทำความเร็วสูงสุดจากเครื่องยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย และแน่นอนว่าการวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวนั้นส่งผลให้
รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยมลพิษให้น้อยลงด้วยเช่นกัน และหากวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) สามารถทำได้ไกล
ถึง 36 กิโลเมตร (ในรูปแบบการขับขี่ NEDC) เพราะการขับขี่ในรูปแบบบ NEDC นั้นไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อนจึงได้มาซึ่งค่าวัดที่ 36 กิโลเมตร
แต่ค่าเฉลี่ยในรูปแบบการขับขี่ทั่วไปจะอยู่ที่ระหว่าง 18 – 36 กิโลเมตร และขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ ณ ขณะนั้นด้วย ความเร็วสูงสุดจากการวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวของเครื่องยนต์ไฮบริด
ใหม่ล่าสุดนี้สูงถึง 135 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้รวดเร็วขึ้นเป็น 5.5 วินาที ฟังก์ชั่นการเร่งเครื่องแบบไฟฟ้าจะช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าไปทำกริยา
เร่งเครื่องยนต์เผาไหม้ การเร่งเครื่องยนต์สามารถทำได้ด้วยการเปิดระบบ kick-down เพื่อช่วยในการขึ้นแซง ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง และยังมีฟังก์ชั่นการทำงาน
แบบ “coasting” เมื่ออยู่ในความเร็วสูงเหมือนรุ่นเดิมอีกด้วย

alt

ในพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) คันนี้ยังได้รับการเสริมทัพฟังก์ชั่นมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังสามารถเปิด
การใช้งานได้โดยผ่าน App ของสมาร์ทโฟนอีกด้วย อาทิเช่น ตัวบ่งบอกถึงสถานะแบตเตอรี่ที่ได้รับการชาร์จ หรืออุปกรณ์เสริมการควบคุมอุณหภูมิ (climate control option) ของ plug-in ไฮบริด
ซึ่งจะทำงานโดยการทำให้รถมีอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นขึ้นก่อนผ่าน Porsche Car Connect ซึ่งสามารถติดตั้งโปรแกรมการเรียกใช้งานไว้ได้ในรถหรือจะเรียกใช้โปรแกรมผ่าน App ของมือถือได้
ด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้สมาร์ทโฟนยังสามารถเรียกใช้งานได้สำหรับการจัดการแบตเตอรี่ (Battery management) หรือเป็นรีโมทในการเรียกเข้าใช้งานหรือเช็คข้อมูลของรถ อาทิเช่น
จำนวนไฟในแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่หรือเป็นตัวแนะนำในการบอกทิศทางให้ผู้ใช้กลับไปสู่ที่ที่รถจอดอยู่ได้อย่างถูกต้อง เป็นต้น ฟังก์ชั่นเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้ติดตั้งได้เฉพาะรถไฮบริดเท่านั้น
โดยสามารถเลือกติดตั้งได้ในพานาเมร่า (Panamera) ทุกรุ่นผ่านโปรแกรม Car Connect smart phone app จากปอร์เช่

นอกจากขุมพลัง E-Hybrid ใหม่แล้ว ปอร์เช่ยังทำการเปิดตัวเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตรรุ่นใหม่อีกด้วย โดยมาแทนที่เครื่องยนต์ขนาด 4.8 ลิตร V8 ที่ใช้ในรุ่นพานาเมร่า เอส
(Panamera S) และพานาเมร่า โฟร์ เอส (Panamera 4S) โดยเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดนี้จะสร้างพละกำลังเครื่องยนต์ได้มากกว่าเดิมอีก 20 แรงม้าและสร้างแรงบิดได้มากกว่าเดิมอีก 20 นิวตันเมตร
แต่กลับประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นอีก 18% หากเทียบกับเครื่องยนต์ V8 ที่ใช้ในรุ่นเดิม ไม่เพียงแต่จะทรงพลังมากขึ้น และประหยัดมากขึ้นเท่านั้น เพราะเทอร์โบทั้ง 2 ลูกยังช่วยให้รถมีแรงบิดสูงสุด
ถึง 520 นิวตันเมตร ในรอบความเร็วรถที่กว้างขึ้นอีกด้วย

พานาเมร่า (Panamera) เกือบทุกรุ่นจะทำการติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung PDK มาเป็นระบบเกียร์มาตรฐาน ในขณะที่รุ่นพานาเมร่า ดีเซล (Panamera Diesel)
และรุ่นพานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) จะได้รับการติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติทริปทรอนิค เอส 8 สปีดมาเป็นระบบเกียร์มาตรฐาน ระบบเกียร์ทั้งสองได้รับการพัฒนา
ให้มีประสิทธิภาพและมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากขึ้น อาทิเช่น การเพิ่มเติมการทำงานของฟังก์ชั่นเร่ง/หยุด โดยระบบจะทำการปิดการทำงานของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นเมื่อกำลังจะหยุดการทำงานของ
ระบบ Coasting ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้รุ่นพานาเมร่า จีทีเอส (Panamera GTS) ที่มาพร้อมกับ PDK สามารถใช้ฟังก์ชั่น Coasting ได้ซึ่งทำให้รถประหยัดน้ำมัน
ได้อย่างเหลือเชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องวิ่งอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์เป็นต้น

alt

มากไปกว่านั้น ภายในต้นปีหน้า ปอร์เช่ยังเตรียมนำเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับพละกำลังเครื่องยนต์ 300 แรงม้า พร้อมประสิทธิภาพตามแบบฉบับเครื่องยนต์ดีเซลเพิ่มขึ้นด้วยกัน เพื่อ
นำมาติดตั้งใน Panamera Diesel นอกจากนี้ยังจะมีพานาเมร่า เทอร์โบ เอส (Panamera Turbo S) ที่พร้อมจะออกมาให้ยลโฉมอีกด้วย