ปัจจุบัน การคำนึงถึงการใช้พลังงานของโลกเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในวงการรถยนต์ ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมลภาวะและขับเคลื่อนการใช้พลังงานของโลก
จนทำให้ต้องมีการตื่นตัว รณรงค์การใช้รถใช้ถนน และหาพลังงานทางเลือกเพื่อช่วยให้เป็นมิตรต่อโลก
มากยิ่งขึ้น
ล่าสุดมีการรายงานถึงพฤติกรรมการใช้รถยนต์ในแต่ละภูมิภาค และพบว่าบิ๊กเบิ้มอย่างชาวมะกัน มีค่าเฉลี่ย
รถยนต์ต่อประชากร 1 คนต่ำกว่าประเทศใหญ่ๆในฝั่งยุโรปแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส
สเปน ฯลฯ และยังรวมไปถึงต่ำกว่าประเทศในโซนเอเชียอย่างญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งในแถบใกล้เคียงอย่าง
ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เช่นกัน ด้วยตัวเลขรถยนต์ 439 คันในประชากรอเมริกัน 1,000 คน นั่นหมายความ
ว่า คนอเมริกัน 1 คน ยังไม่ได้รถยนต์ครึ่งคัน (0.5) เลยด้วยซ้ำ!
การมีอัตราเฉลี่ยต่อคนของรถยนต์ที่ต่ำในประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆของโลกไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะสหรัฐอเมริกาเองมีช่องว่างของสังคมค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นประเทศที่เป็นเจ้าของ
รถยนต์ได้ง่าย ด้วยค่าตัวรถที่ไม่แพงนัก และมีค่าใช้จ่ายต่างๆในการครอบครองรถที่ต่ำ แต่สัดส่วนของคนที่
มีรายได้จนสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้นั้นมีสัดส่วนที่น้อยกว่าคนชนชั้นล่างนั่นเอง ในขณะที่ประเทศแถบยุโรป
และแถบเอเชียบางประเทศ มีการกระจายรายได้ค่อนข้างเท่าเทียม จึงทำให้มีรถยนต์เฉลี่ยต่อคนสูงกว่าใน
สหรัฐอเมริกานั่นเอง
สิ่งที่น่าตกใจกว่า คือถึงแม้ว่าสหรัฐฯจะมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำกว่าประเทศอื่น แต่กลับเป็นประเทศที่ใช้พลังงานกับรถยนต์
มากกว่าฝั่งยุโรปถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากค่าน้ำมันที่ยังมีราคาถูกในบางรัฐ รวมไปถึง
นิสัยการใช้รถของคนอเมริกันที่ยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้พลังงานอย่างสุรุ่ยสุร่ายนั่นเอง