วิกฤติการณ์ที่ Toyota กำลังประสบอยู่ขณะนี้ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์ประลองสมองออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ยอดขายกันไม่เว้นแต่ละวัน บ้างก็ว่าค่ายนู้นค่ายนี้จะได้รับโชคหล่นใส่จากวิกฤติครั้งนี้ แต่พอยอดขายประจำเดือนมกราคม 2010 ในสหรัฐอเมริกาที่แท้จริงออกมาแล้วก็เชื่อว่าบรรดานักวิเคราะห์บางสำนักอาจมีอาการ”หน้าแตก”เล็กน้อยถึงปานกลาง

หากเราดูยอดขายประจำเดือนมกราคม 2010 ในสหรัฐอเมริกาที่แท้จริงแล้ว และเทียบเคียงกับการวิเคราะห์ของหลาย ๆ สำนัก ปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญในเว็บ Edmunds.com วิเคราะห์ได้ใกล้เคียงมากที่สุด พวกเขาเคยวิเคราะห์กันว่า Ford น่าจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดรองลงมาคือ GM,Nissan,Honda และ Hyundai

ยอดขายที่แท้จริงประจำเดือนมกราคม 2010 Ford ที่รวมรถในเครือทั้งหมดเดือนนี้ทำยอดขาย 116,534 คัน พุ่งสูงสุด 24.63 เปอร์เซ็นต์ เติบโตสูงสุดเป็นอันดับแรก และปรากฏการณ์นี้ก็ทำให้ Ford มียอดขายขึ้นอันดับที่ 2 แทนที่ Toyota เรียบร้อยแล้ว หากโฟกัสแบรนด์ย่อยในเครือ Ford ทั้งหมดก็ปรากฏว่ายอดขายเพิ่มขึ้นแทบทั้งนั้น

รายต่อมาที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งวิเคราะห์ไว้ว่าน่าจะค่ายรถญี่ปุ่นที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดนั่นก็คือ Nissan ที่รวมยอดขาย Nissan และ Infiniti เอาไว้ทำยอดขาย 65,572 คัน พุ่งสูงขึ้น 16.12 เปอร์เซ็นต์ และสามารถขึ้นแท่นบริษัทรถยักษ์ใหญ่อันดับที่ 5 ในตลาดสหรัฐอเมริกาแทนที่ Chrysler ได้สำเร็จ

GM ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ในตลาดก็ยังคงเป็นเจ้าตลาดเช่นเคย แต่เป็นเจ้าตลาดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก เพราะทำยอดขายทุกแบรนด์ในเครือ GM ถึง 146,825 คัน พุ่งขึ้น 13.62 เปอร์เซ็นต์  โดยเฉพาะแบรนด์ Chevrolet ทำยอดขายพุ่งขึ้น 36.42 เปอร์เซ็นต์

Hyundai ค่ายรถเกาหลีที่ได้รับอานิสงค์ผลบุญอย่างแน่นอน อย่างน้อย ๆ สำนักวิเคราะห์แทบทุกเจ้าก็วิเคราะห์กันว่า Hyundai ต้องได้รับโชคครั้งนี้แน่นอน เพราะ Hyundai มีกลยุทธ์เชิงรุกตลอดเวลา เมื่อใดที่ Toyota สะดุดขาตนเองล้มลง Hyundai ก็ย่อมได้เปรียบเมื่อนั้น และผลพิสูจน์ออกมาแล้วว่าเดือนนี้ Hyundai สามารถทำยอดขายเดือนนี้เพิ่มขึ้น 30,503 เติบโต 24.44 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่นักวิเคราะห์เชื่อไว้อย่างนั้นจริง

ส่วนค่ายอื่น ๆ มียอดขายเพิ่มขึ้นล้วนแต่เป็นผู้เล่นที่ไม่ใช่ Main Player เสียเท่าไร ที่พวกเขายอดขายเพิ่มขึ้นก็เพราะตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกาฟื้นตัวมากกว่าได้รับอานิสงค์วิกฤติ Toyota

ส่วนค่ายที่ไม่ได้รับอานิสงค์ยอดขายขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวและทำให้นักวิเคราะห์ในวงการหน้าแตกละเอียดไม่มีชิ้นดีนั่นก็คือ Honda ที่หลายคนคาดว่าน่าจะค่ายที่ได้รับอานิสงค์เต็ม ๆ มากกว่าใครเพื่อน Honda กลับมียอดขาย 67,479 คัน ลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ และไม่น่าจะเกี่ยวกับการเรียกรถ Honda Jazz คืนแต่อย่างใดเพราะ Honda เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2010 ไปหมาด ๆ

และค่ายที่ไม่สามารถทำมาค้าขึ้นอีกรายก็คือ Chrysler ที่มียอดขาย 57,143 ลดลง 8.07 เปอร์เซ็นต์ตกที่นั่งจากอันดับ 5 เป็นอันดับ 6 ของตลาด ซึ่งก่อนหน้านั้น Chrysler ก็เคยอยู่อันดับ 3-4 มาก่อนหน้านั้นแล้ว

ค่าย Toyota เจ้าของวิกฤติครั้งนี้ยอดขายตกต่ำลง 98,796 คัน ลดลงมากกว่าที่คิดเล็กน้อย 15.77 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญวิกฤติครั้งนี้ Toyota  ยังได้สูญเสียความเป็นเจ้าตลาดรถเก๋งขนาดใหญ่ให้กับ Honda Accord จนได้ และที่สำคัญ Toyota Camry มียอดขายอันดับ 4 ตามหลัง Chevrolet Malibu ซึ่งมียอดขายอันดับ 3 ของตลาดจนได้ และยังตามหลัง Nissan Altima ซึ่งขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตลาดเก๋งใหญ่

แม้ Toyota จะประกาศแล้วว่าโรงงานทั่วสหรัฐอเมริกาจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป แต่ความเชื่อมั่นในแบรนด์นั้นมันไม่ใช่เครื่องจักรกลที่สามารถหยุดและซ่อมแซมได้เร็ววัน ดังนั้น วิกฤติคันเร่งค้างครั้งนี้น่าจะยืดเยื้อออกไป 6 เดือนเป็นอย่างต่ำจนกว่าความเชื่อมั่นจะกลับคืนมา

ตารางยอดขายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาประจำเดือนมกราคม 2010