ความเคลื่อนไหวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ของ Mitsubishi ที่เป็นที่ครึกโครมมากที่สุดในแพ้การเปิดตัว Mitsubishi Lancer EX ในตลาดโลกเลยนั่นก็คือโครงการรถยนต์นั่งขนาด B-Segment ระดับโลกคันใหม่อันเป็นความหวังสูงสุดของค่ายรถยนต์สามเพชรที่จะฟื้นฟูยอดขายและความนิยมแบรนด์ทั่วโลก เนื่องจาก Mitsubishi เล็งเห็นกระแสความต้องการรถขนาดเล็กราคาไม่แพง ประหยัดน้ำมันทั้งในตลาดเกิดใหม่และพัฒนาแล้วดั่งที่เราเคยนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุหนึ่งที่ดูเหมือนว่าโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็กของ Mitsubishi จะเป็นที่กล่าวถึงกันมากส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ Mitsubishi ไม่ค่อยมีรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ออกสู่ท้องตลาดมากนัก เราต้องยอมรับว่า Mitsubishi Motor ประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ให้ครอบคลุมทุก ๆ ตลาด ดังนั้นทิศทางใหม่ของ Mitsubishi จึงเน้นตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อมดุจเท่านั้นดั่งสโลกแกน Drive@Heart และสินค้าหนึ่งในนโยบายนั้นก็คือรถเล็กคันที่ว่านี้
โครงการรถเล็ก Mitsubishi Global Small ถูกพัฒนาในเมือง Okazaki มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า e-Compact (Eco-Compact) ฟังเผิน ๆ เหมือนกับชื่อรถไฟฟ้า แต่หารู้ไม่ว่า Mitsubishi ให้คำนิยามของมันดังต่อไปนี้
E = efficiency ประสิทธิภาพสูงภายใต้แพคเกจรถคันเดียว ทัศนวิสัยดีเยี่ยม รองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 5 คนอย่างสบาย เนื้อที่สัมภาระเพียงพอต่อการเดินทาง ด้วยขนาดตัวถังยาว 3.74 เมตร กว้าง 1.68 เมตร ซึ่งเคลมว่ามีประสิทธิภาพการจัดเนื้อที่สูงสุดในกลุ่ม B-Segment ด้วยกัน
E = engineering สถาปัตยกรรมรถโครงการ e-Compact จะรองรับทุกความต้องการของตลาดทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นตลาดญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, ประเทศตลาดเกิดใหม่หรือแม้แต่ตลาดยุโรป ไม่ก่อให้เกิดภาระด้านต้นทุนซึ่ง Mitsubishi ตอกย้ำว่าเป็นครั้งแรกของรถขนาดเล็กที่มีแนวคิดเช่นนี้
E = environment ประหยัดน้ำมันรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.0 ลิตรและ 1.2 ลิตร Mivec ใหม่ล่าสุดพร้อมเทคโนโลยี Auto Start-Stop และระบบเก็บประจุไฟจากการเบรค ผนวกกับตัวรถน้ำหนักเบา ออกแบบตามหลังอากาศพลศาสตร์ เช่น การออกแบบหลังคาลาดลง เป็นต้น
E = Electric Vehicle ดั่งที่ Mitsubishi เคยบอกกล่าวเอาไว้ว่ารถคันนี้มีแนวโน้มทำเป็นเวอร์ชันรถไฟฟ้าก็เป็นไปตามนั้นครับ รถคันนี้ถูกออกแบบให้รองรับมอเตอร์ไฟฟ้าตั้งแต่แรกแล้ว
E = Economies รถคันนี้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือตามแบบฉบับสินค้าจากญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำ
E = effective design การออกแบบเหมาะสมสำหรับผจญภัยในเมืองหรือตะลุยบนทางไฮเวย์(ในเขตที่จำกัดความเร็ว) ด้วยรูปลักษณ์กะทัดรัด, แข็งแกร่งและยังดูเป็นมิตร
E = export แน่นอน Mitsubishi จะขาดข้อนี้ไปไม่ได้เลย Mitsubishi มอบหมายให้โรงงานแหลมฉบัง ประเทศไทยทำหน้าที่ส่งออกรถเล็กระดับโลกคันนี้ไปยังตลาดอาเซียน, ญี่ปุ่น, เอเชียเหนือ, อเมริกาเหนือ, ออสเตรเลีย, ยุโรปและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกด้วยกำลังการผลิตปีละ 150,000 คันแต่สามารถผลิตได้ถึง 200,000 คันหากตลาดมีความต้องการมาก
Mitsubishi เปิดเผยว่าจะเปิดตัว e-Compact เวอร์ชันสายการผลิตจริงภายในสิ้นปีนี้และเริ่มต้นผลิตจริงภายในต้นปี 2012 นั่นก็หมายความว่า Mitsubishi Eco-Car น่าจะได้เห็นตัวจริงกันในงาน Tokyo Motorshow ระหว่างวันที่ 3-11 ธันวาคม 2011 นี้
แต่จะมีความเป็นไปได้ไหมที่ Mitsubishi จะนำไปโชว์ในงาน MotorExpo 2011 เพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักสำคัญ? หากวิเคราะห์สถานการณ์หลายอย่าง ถ้าในเมื่อรถคันนี้ถูกผลิตในประเทศไทยที่แรกในโลก ก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะนำรถ Pre-Production มาอวดโฉมอย่างง่ายดายมาก ๆ
ส่วน Mitsubishi จะเลือกประเทศไหนเปิดตัวระดับ World Premier นั้นก็ขึ้นอยู่กับ Mitsubishi Motor ล้วน ๆ ครับ