รายละเอียด All New Honda City เจเนเรชั่นที่ 4 ขอเป็น No.1 B-Sedan
วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2013) เป็นวันที่คนที่ติดตามข่าวสารด้านยานยนต์ในเมืองไทยตื่นเต้นกันมากที่สุด นั่นก็คือการรอ
คอยการเปิดตัว The Next Generation Honda City รุ่นที่ 4 ครั้งแรกในประเทศอินเดียซึ่งถือเป็นแผนการเปิดตัวระดับ
World Premier ที่ผิดคาดเพราะจากเดิมประเทศไทยจะต้องเปิดตัวพร้อมกันกับอินเดีย แต่ด้วยเหตุผลทางการตลาดจึง
ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องเลื่อนไปเปิดตัวในเดือนมกราคม 2014 แทน
สำหรับตลาดอินเดีย Honda City โฉมแรกเริ่มเปิดตัวในตลาดอินเดียปี 1998 หลังประเทศไทยประมาณ 2 ปี ต่อมาโฉมที่
2 ก็เปิดตัวในปี 2003 พร้อมกับเมืองไทยพร้อมกับชูจุดเด่นเครื่องยนต์ i-dsi ใหม่, โฉมปัจจุบันก็ทำตลาดในปี 2008 ชู
จุดเด่นด้านองค์ประกอบที่ลงตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว, ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง, เครื่องยนต์
i-VTEC เป็นต้น
Honda City ตั้งแต่เปิดตัวสู่ตลาดครั้งแรกในโลกปี 1996 ที่ประเทศไทยจนถึงปัจจุบันนี้ก็มียอดขายสะสมกว่า 2 ล้านคัน
จาก 55 ประเทศทั่วโลก และ Honda City เจเนเรชั่นใหม่ โฉมที่ 4 ก็จะขยับขยายตลาดกลายเป็นรถยนต์แห่ง Global
Model ที่สำคัญ มิได้ทำตลาดกันแค่ไม่กี่ประเทศกันอีกต่อไป (Honda ยังไม่เผยว่าจะส่งออกทำตลาดในยุโรปหรืออเมริกา
หรือไม่)
แนวคิด Honda City เจเนเรชั่นที่ 4 มามีหลักแนวคิด Grand Concept สำคัญ 3 ประการที่จะทำให้ All New Honda
City ใหม่กลายเป็น No.1 B-Segment Sedan ได้ทันที!!
-ประการแรก Cool Sport ที่มีความโดดเด่นเหนือรถทั่วไปคือดีไซน์ภายนอกมาแนวสปอร์ต แต่มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้าง
เกินพิกัด
-ประการที่สอง Be Comfort มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและฟีเจอร์ล้ำหน้าและการขับขี่ที่มีความสบายด้วยเทคโนโลยี
ล้ำหน้า
-ประการที่สาม Best F.E. คือมีอัตราสิ้นเปลืองดีลำดับต้น ๆ ของตลาดและขุมพลังที่ล้ำหน้า
แนวทางการออกแบบตัวถังภายนอกจะมาด้วยแนวคิด Sleek Crossmotion ที่ยังคงยึดหลักปรัชญา Advanced Man
Maximum Maching Minimum ด้านหน้าลู่ลมปราดเปรียวและดูเตี้ย ที่มาพร้อมกับใบหน้า Solid Wing Face คือ
เห็นสันนูนตรงกลางกระจังหน้าพร้อมโคมไฟหน้าแบบ 4 ดวงสะท้อนถึงคุณภาพและความปราดเปรียว ผนวกกับกันชน
หน้าทรงโฉบเฉี่ยว
รายละเอียดเส้นด้านท้ายจะแยกทางกับเส้นของกันชนท้ายที่ให้นิยามการออกแบบนี้ว่า Clear-Cut Side Panel ลอง
สังเกตมุมกันชนท้ายก็จะเห็นว่ามีสันขอบมุมที่ดูคล้ายกันชนท้ายของ Nissan Almera พร้อมกับไฟท้ายแบบเต็มดวงกิน
เนื้อที่บนฝากระโปรงท้ายซึ่งจะช่วยทำให้ด้านท้ายแลดูกว้างขึ้นไปในตัวอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารจะใช้แนวคิดการออกแบบ Layered Floating Cockpit ที่มีเลย์เอาท์แผงคอนโซลคล้ายกับ Honda
Fit/Jazz รุ่นใหม่อย่างมาก แต่ได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของแผงหุ้มฝั่งคนนั่งและแผงบังมาตรวัดที่ดูเหลี่ยมขึ้น ชูจุดเด่น
ด้วยวัสดุที่มีพื้นผิวคุณภาพสูง ให้ความสัมผัสแบบรถพรีเมี่ยมที่ดูนุ่มนวยและสงบนิ่ง
เนื้อที่ภายในห้องโดยสารที่ได้มีการขยายไปมากกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ด้วยมิติความยาวตัวถัง 4,440 มม. (ยาว
กว่าเดิม 50 มม.) ยาวที่สุดในบรรดารถยนต์ B-Segment 1.5 ลิตร และ Eco Car Sedan ในประเทศไทย!! กว้าง 1,695
มม. สูง 1,495 มม. (สูงกว่าเดิม 10 มม.) ที่สำคัญมันมีความยาวฐานล้อมากถึง 2,600 ยาวที่สุดในรถระดับเครื่องยนต์
1.5 ลิตรในเมืองไทย ทำให้ Honda กล้าเคลมว่ามีเนื้อที่ห้องโดยสารใหญ่เทียบเท่ารถระดับสูงกว่าได้
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารจะชูฟีเจอร์ทันสมัยหลายอย่าง ได้แก่ ระบบชุดเครื่องเสียง Advanced Audio รุ่นใหม่ที่มา
พร้อมกับหน้าสัมผัสขนาด 5 นิ้วในตัวซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพลงพกพาหรือสมาร์ทโฟนผ่านช่องทางสาย
USB/ AUX/ iPod Port/ Bluetooth, รองรับการใช้ Hand Free/ ค้นหาสมุดโทรศัพท์และโทรด่วน กับสมาร์ทโฟน
(ภาพพรีเซนต์บนจอจะเขียนว่า iphone และ xperia ซึ่งตามหลักแล้วน่าจะใช้ได้กับสมาร์ทโฟนหลายรุ่น)
ฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานของชุดเครื่องเสียงตัวนี้ก็ยังครบครันด้วยการรองรับการเล่นเพลงด้วย CD/ MP3-WMA-AAC CD/ วิทยุ
FM/AM
นอกจากนี้หน้าจอสัมผัสดังกล่าวจะสามารถแสดงผลของกล้องส่องถอยหลังและสามารถเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ได้อีก
ด้วย
ติดตั้งลำโพงทั่วทั้งคันรถ 8 จุดให้เสียงธรรมชาติและที่สำคัญยังมีช่องต่อเชื่อมชาร์จประจุไฟฟ้าสำหรับ Smartphone
สำหรับผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังเหมาะสำหรับคนยุคปัจจุบันอย่างมาก
ออพชั่นปลีกย่อยของ All New Honda City สำหรับตลาดอินเดียก็จะมีหลังคาซันรูฟ, เสาอากาศแบบ Shark Fin, แอร์
อัตโนมัติแบบปุ่มสัมผัส, Push Start, Smart Key, Cruise Control
สำหรับตลาดอินเดียจะแนะนำเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร i-DTEC EarthDreams Technology เป็นจุดขายหลัก หลังจาก
เห็นยอดขาย Honda Amaze Diesel รุ่งสุดขีด และเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรที่นำเครื่องรุ่นปัจจุบันมาผ่านการปรับปรุง
ใหม่ในหลายจุดจนเคลมว่าเป็นรถยนต์เครื่องเบนซินที่ประหยัดที่สุดในตลาด (อินเดีย)
การปรับปรุงเครื่องยนต์เบนซินจะปรับปรุงชิ้นส่วนหลักหลายชิ้น อาทิ ปรับการทำงานระบบ VTEC ให้ทำงานในรอบต่ำ
จนถึงรอบสูงได้ดี, ลดความฝืดเคืองชิ้นส่วนภายใน ได้แก่ ซีลน้ำมันที่มีแรงดึงต่ำ/เคลือบพื้นผิวลูกสูบเป็นรูปซิกแซก,
ปรับปรุง EGR/ อัตราส่วนการกินน้ำมัน/ Valve Timing/ ปลั๊กเข็มคู่, เน้นน้ำหนักเบาด้วยการใช้ท่อร่วมไอดีวัสดุทำจากเร
ซิน
โครงสร้างตัวถังมีอัตราส่วนน้ำหนักที่รองรับการบิดตัวของตัวถังเมื่อเทียบกับฐานล้อ (ค่า L.W.I หรือ Light Weight
Index) ดีขึ้นมากถึง 24%
แชสซีส์แบบใหม่ที่ให้ความสมดุลในการขับขี่สูง ช่วงล่างด้านหน้าแบบ Geometry MacPherson Strut ด้านหลังเป็น
แบบคานบิดรูป H Shape พวงมาลัย EPS แบบใหม่ เน้นน้ำหนักเบาด้วยการย่อชิ้นส่วนตัวรถให้มีขนาดเล็กลง
ตลาดอินเดียจะมีกำหนดการเปิดตัวและส่งมอบอีกครั้งภายในเดือนมกราคม 2014 พร้อมกับตลาดเมืองไทยทันที
ที่มาเนื้อหา : Honda India