ยอดขายรถยนต์ในญี่ปุ่นที่มีเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 660 ซีซี ประจำเดือนมิถุนายน 2010 ก็ยังทะยานไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ด้วยอัตราการเติบโต 20.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หากเปรียบเทียบอัตราการเติบโตกับเดือนพฤษภาคม 2010 ถือว่าเดือนนี้ทำผลงานได้แย่กว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับจำนวนแล้วล่ะก็เดือนนี้มียอดขาย 293,537 คันมากกว่าเดือนพฤษภาคม 2010 แน่นอน

หันมาดูยอดขายเรียงลำดับตามรุ่นกันบ้างดีกว่า เราจะพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่มีแต่รถเก๋งกับรถมินิแวน ยังมีรถประเภทใหม่เข้ามาติดอันดับอันเกิดจากนโยบายรัฐบาลญี่ปุ่นนั่นคือ Toyota Prius รถ Hybrid ที่สามารถกอบโกยยอดเป็นอันดับ 1 มานานเป็นปีแล้ว รวมไปถึงรถหน้าใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาติดอันดับสูง ๆ ไม่หวาดหวั่น อาทิ เช่น Honda Freed ที่ Honda สามารถแก้เกมตลาดมินิแวนขนาดเล็กได้สำเร็จ หรือการกลับมาทวงตำแหน่งเจ้าตลาดมินิแวนคอมแพคท์อย่าง Honda StepWGN อันเป็นรุ่นที่เคยร้างราจากยอดขายลำดับบน ๆ มานานมาก

สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือรถเซกเมนต์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยกำเนิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนก็ยังติดรถขายดี 1 ใน 30 อันดับกับเขาด้วยอย่าง Honda CR-Z รถสปอร์ตคูเป้ขนาดเล็กที่วางขุมพลัง Hybrid ครั้งแรกของโลกก็ขายดีเทน้ำเทท่านาน 3 เดือนแล้ว หนำซ้ำยังมียอดขายในระดับพอ ๆ กับ Honda Insight หน้าตาเฉยทั้ง ๆ CR-Z มีราคาแพงกว่าและเป็นรถ 3 ประตูอรรถประโยชน์ใช้สอยน้อยกว่า

ในเมื่อกาลกลับเป็นเช่นนี้เราจึงเชื่อว่า Honda CR-Z น่าจะเป็นรุ่นที่ทำกำไรมากกว่า Insight ระดับหนึ่งเลยทีเดียว

และยังมีรถรุ่นหนึ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบรับดีกว่าที่คิดไว้มาก ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ใครเห็นล้วนแต่บอกว่า”ไม่รักก็เกลียดเลย” ไม่น่าจะขายดิบขายดี นั่นก็คือ Nissan Juke แนวรุกใหม่ที่จะมาเขย่าตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับซับคอมแพคท์ที่เงียบเหงามานานนับ 10 ปีซึ่ง Nissan หวังยอดขายสูง 1 แสนคันต่อปีในภูมิภาคยุโรปถือว่าหวังสูงมากพอสมควร และมีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จยิ่งกว่า Nissan Qashqai เพราะมียอดจองเบื้องต้นสูงกว่า Qashqai ช่วงเปิดตัวใหม่

สำหรับตลาดญี่ปุ่น Nissan ไม่ได้คาดหวังให้ Juke มียอดขายล้นหลามเหมือน Nissan Serena รถตู้ขายดีของตนจึงตั้งเป้ายอดขายต่อเดือนไว้แค่ 1,300 คันเท่านั้น Nissan คงรู้ดีว่ารถหน้าตาแบบนี้ขายได้แต่ไม่น่าจะเป็นรถตลาดหลักนักอันเนื่องจากตลาดเอสยูวีขนาดซับคอมแพคท์ยังเล็กอยู่

แต่กาลกลับตาลปัตรพลิกความหมายกว่าที่คิด หลังจาก Nissan เปิดตัว Juke เพียงแค่ 4 สัปดาห์(เปิดตัววันที่ 9 มิถุนายน)ก็มียอดจองทั้งหมด 10,943 คัน!! มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ถึง 8 เท่า!! รถหน้าแปลกที่มีแต่คนปรามาสว่าจะล้มเหลวในประวัติศาสตร์กลับสามารถทำยอดจองและยอดขายได้ดีขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็คงเพราะนโยบายด้านภาษีรถ eco-car ของที่นั่นจะจัดเก็บภาษีน้อยลงตามอัตราความสิ้นเปลืองและค่ามลพิษ (นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Nissan X-trail ขายดีอันดับ 1 ที่ญี่ปุ่นก็เพราะมีเครื่องดีเซลวางจำหน่ายจึงได้เปรียบคู่แข่งทั้งหมด)
เรามาดูผลสำรวจลูกค้า Nissan Juke ว่าพวกเขาและพวกเธอเหล่านั้นส่วนใหญ่พร้อมใจซื้อรุ่นท๊อป 15RX มากถึงถึง 97% ส่วนรุ่นล่าง 15RS มีคนซื้อน้อยมากแค่ 3%

พวกเขาจะเลือกสีตัวถังภายนอกสีแดงโปรโมตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 29% รองลงมาคือสีดำคิดเป็น 22% สียอดนิยมอันดับ 3 คือ สีขาว คิดเป็น 15% อันดับ 4 สีเทาเข้ม  15% อันดับ 5 สีเงิน 10% อันดับ 6 สีน้ำตาล 9% และอันดับ 7 สีน้ำเงินสว่าง 2%

สีภายในห้องโดยสารส่วนใหญ่จะเลือกสีแดงแซมดำมากถึง 59% ส่วนภายในสีดำล้วนก็ยังมีสัดส่วน 41% ถือว่างานนี้เกินคาด

สุดท้ายอายุกลุ่มเป้าหมาย Nissan Juke ในญี่ปุ่นทำเอาฉีกตำราการตลาดทิ้งไม่ใยดีใครจะเชื่อว่ารถหน้าแปลกทรงล้ำขนาดนี้จะจับกลุ่มลูกค้าวัย 30 ปีขึ้นไปจนถึงมากกว่า 60 ปีได้อยู่หมัดมากกว่ากลุ่มวัยหนุ่มสาวหรือวัยรุ่น

กลุ่มลูกค้าอายุต่ำกว่า 29 ปี มีลูกค้าผู้ชาย 11% ผู้หญิง 4%
กลุ่มลูกค้าอายุระหว่าง 30-39 ปี มีลูกค้าผู้ชาย 15% ผู้หญิง 6%
กลุ่มลูกค้าอายุระหว่าง 40-49 ปี มีลูกค้าผู้ชาย 14% ผู้หญิง 5%
กลุ่มลูกค้าอายุระหว่าง 50-59 ปี มีลูกค้าผู้ชาย 19% ผู้หญิง 4%
และกลุ่มลูกค้าอายุ 60 ปีขึ้นไป มีลูกค้าผู้ชาย 19% ผู้หญิง 2%

หากให้วิเคราะห์ถึงความสำเร็จครั้งนี้คงต้องบอกเลยว่าเกิดจากตัวรถแทบจะ 100% เพราะดีไซน์รถคันนี้มีบุคลิคโดดเด่นเฉพาะตัวชนิดที่ยากจะเลียนแบบ และลูกค้าหลายคนก็คาดหวังว่ารถแบบนี้น่าจะต้องมีราคาขายในระดับพรีเมี่ยมเหมือนกับ Mini หรือ Alfa Romeo ด้วยซ้ำ ใครขับใครเห็นมันก็ต้องสะดุดตากันถ้วนทั่ว แต่เมื่อเห็นป้ายราคาที่อยู่ในระดับพอ  ๆ กับรถซับคอมแพคท์และคอมแพคท์ทั้งหลาย

จึงไม่แปลกใจนักที่ลูกค้าต้องการความโดดเด่นเฉพาะตัวหันมาซื้อรถคันนี้เพื่อประดับบารมีชนิดหักปากกาเซียนทั้งหลาย และนี่คือสิ่งที่ Nissan พยายาม ”ยกระดับ” รถขนาดเล็กของตนเองได้สำเร็จในรอบ 20 กว่าปีนี้ และ Nissan สามารถกระตุ้นตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวีขนาดเล็กให้ดุเดือดขึ้นได้สำเร็จจนน่าจะเป็นตลาดใหญ่ในอนาคต

เพียงแต่ Nissan Juke จะสามารถอยู่ดำรงเป็นรถยอดขายดี 1 ใน 30 อันดับได้ยาวนานเหมือนรุ่นพี่ทั้งหลายหรือไม่ก็ต้องให้กาลเวลาพิสูจน์ครับ

อารัมภบทยาวแล้วเราจึงขอนำเสนอยอดขายรถยอดนิยม 30 อันดับในญี่ปุ่น ประจำเดือนมิถุนายน 2010 กันดีกว่าครับ

1.    Toyota Prius 31,876
2.    Honda Fit/Jazz 15,955
3.    Toyota Vitz/Yaris  11,625
4.    Toyota Corolla (Axio,Fielder,Rumion) 10,723
5.    Nissan Serena 8,153
6.    Honda StepWGN 7,601
7.    Toyota Passo (5 Dr.,Sette) 7,275
8.    Honda Freed 7,050
9.    Toyota Voxy 6,663
10.    Mazda Demio/2 6,019
11.    Toyota Noah 5,828
12.    Nissan Note 5,639
13.    Toyota Wish 5,491
14.    Toyota Vellfire 4,920
15.    Nissan Juke 4,725
16.    Nissan Cube 4,401
17.    Toyota Ractis 4,249
18.    Toyota Estima 4,014
19.    Nissan Tiida (Hatchback, Latio) 3,985
20.    Suzuki Swift 3,815
21.    Honda Insight 3,726
22.    Honda CR-Z 3,714
23.    Toyota Crown 3,611
24.    Toyota Allion 3,389
25.    Nissan March 3,146
26.    Toyota Alphard 3,124
27.    Toyota Mark-X 3,009
28.    Toyota Premio 2,865
29.    Toyota Vangard 2,693
30.    Toyota Sienta 2,676

ยอดขายเรียงลำดับตามแบรนด์
อันดับ 1 Toyota 140,207 คัน เติบโต 26.7%
           Lexus 2,151 คัน เติบโต 16.3%
อันดับ 2 Honda 44,377 คัน เติบโต 18.5%
อันดับ 3 Nissan 43,313 คัน เติบโต 11.5%
อันดับ 4 Mazda 15,418 คัน เติบโต 13.5%
อันดับ 5 Subaru 5,939 คัน ลดลง 3.4%
อันดับ 6 Mitsubishi 5,907 คัน เติบโต 25.7%
อันดับ 7 Suzuki 4,896 คัน ลดลง 7.2%
รถนำเข้า 21,315 คัน เติบโต 14%