Mercedes-Benz จัดกิจกรรมการตลาด StarFest 2011 ระหว่างวันที่ 19 – 21 สิงหาคม 2011 ด้วยการนำเสนอยนตรกรรมระดับพรีเมียมกว่า 20 คัน พร้อมกับยนตรกรรมใหม่ถึง 4 รุ่น รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยเนรมิตพื้นที่ในอารีนา 10 ทองหล่อ
ยนตรกรรมทุกรุ่นที่ถูกคิดค้นขึ้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีภายใต้แนวคิด BlueEFFICIENCY นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น C-, E-, S-, ML-, R-, SLK-Class และรถตู้แวน Vito ทั้งที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล CDI เครื่องยนต์เบนซิน CGI และเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด BlueDIRECT
ไฮไลต์สำคัญในงานนี้ก็คือการเปิดตัวก็คือ Mercedes-Benz E 200 NGT BlueEFFICIENCY รถยนต์พลังงานน้ำมันเบนซินและแก๊ซ NGV หรือ CNG ตามแต่ใครจะเรียกซึ่งถือเป็นการสืบสานความสำเร็จของการบุกเบิกตลาดรถยนต์สองพลังงานทั้งน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
สาเหตุที่ทำให้ Mercedes-Benz ได้รับการยอมรับจนความนิยมสูงมาก เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้งด้วยอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน จึงทำให้สามารถรองรับน้ำหนักของถังแก๊สได้อย่างพอเพียง ส่งผลให้รถยนต์เต็มเปี่ยมไปด้วย กำลังเครื่องยนต์ไม่ตกหรือกระตุกระหว่างเปลี่ยนการใช้สลับโหมด
Mercedes-Benz E 200 NGT BlueEFFICIENCY ติดตั้งด้วยถังแก๊สที่ผลิตจากเหล็กกล้าแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษจำนวน 3 ถัง มีความจุรวม 19.5 กิโลกรัม (วิ่งได้ระยะทางประมาณ 360 กม.) รวมน้ำมันเต็มถังอีก 80 ลิตร (วิ่งได้ระยะทางประมาณ 1,000 กม.) โดยระบบจะสลับโหมดการใช้ก๊าซและน้ำมันเองโดยอัตโนมัติในกรณีที่เชื้อเพลิงอย่างใดอย่างหนึ่งหมดก่อน
Mercedes-Benz E 200 NGT BlueEFFICIENCY ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบแบบซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ขนาด 1,796 ซีซี ให้กำลังถึง 120 กิโลวัตต์ 163 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 3,000-4,000 รอบต่อนาที มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. โดยใช้เวลา 10.4 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 224 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 8.1-8.5 ลิตรต่อระยะทาง 100 กม.อัตราสิ้นเปลืองแก๊ส 5.5 กก.ต่อระยะทาง 100 กม. ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจากเดิมถึง 20% หรือคิดเป็นอัตราเพียง 149 กรัม/กม.
กม. นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ระบบความปลอดภัยภายใต้มาตรฐานของ Mercedes-Benz อาทิ ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE®, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST, ระบบเบรก ABS, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR), ถุงลมนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยบริเวณสะโพก ถุงลมนิรภัยด้านข้างหมอนรองศีรษะพร้อมระบบป้องกันอันตรายที่ต้นคอ (NECK-PRO head restraints) และฝากระโปรงหน้าแบบ active bonnet ที่จะยกตัวขึ้นเมื่อเกิดการชนเพื่อป้องกันคนเดินเท้า
สนนราคา Mercedes-Benz E 200 NGT BlueEFFICIENCY ที่ 3,699,000 บาท
Mercedes-Benz S 500 BlueEFFICIENCY ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ BlueDIRECT นวัตกรรมใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ รหัส M 278 ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดโดยเป็นเครื่องยนต์ที่รวมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ไดเรคอินเจ็คชั่นและระบบอัดอากาศเทอร์โบเข้าด้วยกัน ซึ่งระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงรุ่นนี้นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ด้วยวาล์วหัวฉีดแบบ piezo ที่มีการจุดระเบิดแบบ multi-spark ถึง 4 ครั้งภายในเสี้ยววินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างหัวฉีดและการจุดระเบิดให้ทำงานสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้การเผาไหม้ภายในห้องเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม่นยำและสมบูรณ์มากขึ้น รวมถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบของกระบอกสูบ ลูกสูบ แหวนสูบ พร้อมทั้งระบบการจ่ายน้ำมันและระบบการจัดการระบายความร้อนแบบ 3 ระดับ ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลพิษมากขึ้นกว่าเดิม โดยมีความจุกระบอกสูบ 4,663 ซีซี ขนาด 320 กิโลวัตต์ 435 แรงม้า เพิ่มสมรรถนะความแรงจากโมเดลเดิมกว่า 12% (จากเดิม 285 กิโลวัตต์ 388 แรงม้า) แรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 32% จากเดิม 530 เพิ่มขึ้นเป็น 700 นิวตันเมตร ที่ 1,800-3,500 รอบ/นาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง10.63 กม./ลิตร ทำให้ประหยัดขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 16%
Mercedes-Benz S 500 BlueEFFICIENCY Longwheel Base สนนราคาที่ 11,199,000 บาท
Mercedes-Benz C 250 Coupe Edition 1 คูเป้สปอร์ตหรูแบบ 4 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตรที่ 2,300-4,300 รอบ/นาที มีอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. โดยใช้เวลาเพียง 7.2 วินาที พละกำลังทั้งหมดถูกถ่ายทอดลงสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะรุ่นล่าสุด (7G-TRONIC PLUS) อันทรงประสิทธิภาพ พร้อมตกแต่งด้วยเอกลักษณ์เฉพาะแบบ Edition 1 คือ ชุดแต่ง AMG Sports package ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร อาทิ ชุดแต่งแอโรพาร์ทรอบคันจาก AMG bodystyling กันชนหน้า-หลังรวมทั้งสเกิร์ตข้าง, ล้ออัลลอยจาก AMG ลาย 7 ก้านขนาด 18 นิ้ว, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อนพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์, ปลายท่อไอเสียแบบสเตนเลสปัดเงา, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้าน หุ้มด้วยหนังแท้ Nappa ตกแต่งแบบ ทูโทน ด้านล่างหุ้มหนังพอร์สเลน (porcelain), ภายในตกแต่งด้วยลายไม้ piano lacquer สีขาวมุกแบบพอร์สเลน (porcelain) และแป้นเบรกและคันเร่งแบบสปอร์ต โดย
Mercedes-Benz C 250 Coupe Edition 1 สนนราคาที่ 4,269,000 บาท
Mercedes-Benz SLK 200 BlueEFFICIENCY Sport AMG
โรดสเตอร์โฉมใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นรุ่นที่สามของรถสปอร์ตตระกูล SLK ที่ผสมผสานการขับขี่แบบสปอร์ต แต่ยังคงไว้ซึ่งความสบายอย่างมีสไตล์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบขนาด 1.8 ลิตร กำลัง 184 แรงม้า ผนวกกับระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูง มีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม.โดยใช้เวลาเพียง 7.0 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 6.1 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม. ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 142 กรัม/กม. หลังคาแข็งพับได้สีเดียวกับตัวรถ Vario Roof ที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า Electrohydraulic และครั้งแรกของโลกด้วย MAGIC SKY CONTROL ซึ่งเป็นออพชั่นพิเศษสามารถปรับเปลี่ยนความเข้ม-ใสของกระจกหลังคาแบบ Panoramaได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดย Mercedes-Benz SLK 200 BlueEFFICIENCY Sport AMG สนนราคาเริ่มต้นที่ 4,399,000 บาท
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าภายในงาน
นอกเหนือจากขบวนรถมากมายที่นำมาจัดแสดงภายในงาน StarFest แล้ว Mercedes-Benz ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ดังนี้
• ข้อเสนอสุดเร้าใจเป็นพิเศษสุดเริ่มต้นตั้งแต่ 250,000 – 500,000 บาท สำหรับผู้สนใจซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น E-Class Estate, E-Class Coupe, E-Cabriolet, R-Class, ML-Class และ S-Class ทั้งนี้สำหรับผู้ซื้อรถยนต์รุ่น S-Class จะฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี
• ข้อเสนอทางการเงินแบบใหม่กับโปรแกรม “Extra” เมื่อซื้อรถยนต์ Mercedes-Benz ผ่านบริการทางการเงินกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง จะได้รับการประกันคุณภาพ(warranty) เพิ่มสำหรับปีที่ 4 และ ปีที่ 5 เพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน 5 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ)
นอกจากนี้ผู้ที่สมัครบัตร Mercedes-Benz card ภายในงาน Star Fest รับสิทธิ์สูงสุด ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับต่างประเทศ โดยสายการบินไทย พร้อมลุ้นรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ฟรีอีกคัน (ตรวจสอบเงื่อนไข ณ จุดขาย)
ขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง 4 รุ่นและยนตรกรรมหลากหลายรุ่นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมใน งาน StarFest ได้ระหว่างวันที่ 19 – 21 สิงหาคมศกนี้ ณ อารีนา 10 ทองหล่อ กรุงเทพฯ