Mercedes-Benz SLK จัดเป็นสุดยอดรถสปอร์ตที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ค่ายดาวสามแฉกเป็นอย่างมากทั้งตลาดโลกและในไทย แค่คุณลองย้อนไปสมัย 5-6 ปีที่แล้วจะพบว่า SLK เป็นรถสปอร์ตยอดนิยมที่ลูกเศรษฐี/เศรษฐินีขับประดับบารมีและอวดเพื่อนในไทยกันมาก ได้รับความนิยมถึงขั้นไหน? น่าจะถึงขั้นเป็นรถในฝันของธุรกิจขายตรงยุคนั้นเลยครับ
ถึงแม้ว่าความนิยม Mercedes-Benz SLK ในประเทศไทยจะแผ่วลงเร็วมาก ๆ แต่ในเมื่อมันคือรถยนต์เชิดชาชูตาในระดับโลก ถ้ามันถึงเวลาก็จำเป็นต้องผลัดโฉมให้มันเพื่อสืบสานตำนานกันต่อไป
Mercedes-Benz SLK ที่เราเห็นกันอยู่ขณะนี้คือรถสปอร์ตเจเนเรชั่นที่ 3 แล้ว หลังจากเริ่มทำตลาดเจเนเรชั่นแรกภายในปี 1996 ด้วยจุดเด่นความเป็นรถเปิดประทุนหลังคาแข็งในช่วงเศรษฐกิจโลกเฟื่องฟูจนใกล้จะถึงวิกฤตฟองสบู่แตก และเจเนเรชั่นที่ 2 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี AirScarf เพื่อให้สายลมพัดผ่านต้นคอและไหล่เมื่อยามขับรถเปิดประทุน
ดีไซน์ภายนอก Mercedes-Benz SLK โฉมใหม่ ได้รับอิทธิพลความเป็น Mercedes-Benz ยุคใหม่ที่เริ่มสืบเชื้อสายคันแรกจาก SLS AMG จนเป็นต้นแบบให้รถยนต์ในสายการผลิตรุ่นอื่น ๆ ลอกเลียนตาม จุดเด่นของมันคือความสวยงามไร้กาลเวลา ดูเมื่อไรก็สวยงามตอนนั้น
สัดส่วนบริเวณห้องเครื่องยาวแต่ระยะยื่นหลังสั้นอันเป็นฟอร์มรูปทรงเอกลักษณ์ประจำ Mercedes-Benz SLK
ด้านหน้าได้รับอิทธิพล SLS AMG มาไม่น้อยด้วยชุดไฟหน้าทรงคมและกระจังหน้าดูสปอร์ตใหญ่รับลมได้ซึ่ง Mercedes-Benz เคลมว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก 190 SL ในยุค 1950 เมื่อเราเห็นด้านหน้าดูสปอร์ตดุดันขึ้นก็แอบคิดว่ามันจะต้านลมมากขึ้นหรือเปล่า แต่ผลกลับกันมันมีค่าประสิทธิ์แรงเสียดทานลดลงเหลือแค่ 0.30 เท่านั้น
รายละเอียดตัวถังด้านข้างยังคงรักษาความเป็นรถเปิดประทุนคลาสสิคเอาไว้เหนียวแน่นแม้อาจจะคล้ายของเดิมเสียหน่อยแต่ก็เพิ่มความคมสั้นในเส้นสายและเพิ่มช่องระบายอากาศด้านข้างไว้ด้วย ส่วนบั้นท้ายก็ดูคล้ายของเดิมมิใช่น้อย
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารแค่เห็นครั้งแรกก็บอกได้เลยว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจาก SLS AMG อีกแล้ว เพราะมันแทบจะถอดแบบทุกสัดส่วนทุกการจัดวางมาย่อใส่ใน SLK โฉมใหม่ด้วยซ้ำ ผลลัพธ์ก็คือภายในมีความสวยงามหรูหรา ดูสปอร์ตแบบคลาสสิค วัสดุดีเยี่ยม การประกอบเสมือนช่างฝีมือ และมันยังดูใช้งานง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ
จุดเด่นที่ช่วยเพิ่มความทันสมัยในความคลาสสิคก็คือแผ่นอลูมิเนียมปัดเงาครอบทับแผงคอนโซลกลาง แต่หากใครชอบความหรูหราก็สั่งติดตั้งแผ่นไม้วอลนัตก็ได้
อุปกรณ์มาตรฐานพิเศษสุดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำ Mercedes-Benz SLK รุ่นนี้ก็คือหลังคาแก้วพาโนรามิคแบบ Magic Sky Control ฟังแค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วว่ามันมีความวิเศษวิโสอย่างไร?
การทำงานของมันคือ การนำเทคโนโลยี Magnetorheological มาติดตั้งกับหลังคาแก้วของ SLK โฉมใหม่ เพื่อปรับความเข้มของสีกระจกหลังคาโดยอัตโนมัติ สามารถปรับระดับตั้งแต่กระจกโปร่งใสจนไปถึงเพิ่มสีน้ำเงินเข้มให้กับกระจกเมื่อโดนแสงแดดจ้า เสมือนเป็นหลังคาเหล็กทึบ
ยัง ยังไม่พอ Mercedes-Benz ขอบรรจุเทคโนโลยีใหม่สำหรับ SLK โดยเฉพาะนั่นก็คือ AirGuide ระบบหยุดลมหมุนวนภายในห้องโดยสารด้วยชิ้นพลาสติคโปร่งใสติดตั้งหลังโรลบาร์
เครื่องยนต์กลไกมีให้เลือก 2 รุ่นได้แก่ SLK350 ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ให้กำลัง 306 แรงม้า (PS) ให้อัตราเร่ง 0-97 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
SLK250 จะมาให้เลือกภายในปลายปีนี้ด้วยเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 201 แรงม้า (PS) อัตราเร่ง 0-97 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในเยอรมนีเริ่มรับจองวันที่ 17 มกราคม 2011 ในสหรัฐอเมริกาเริ่มส่งมอบฤดูร้อนปีนี้ ส่วนในประเทศไทยน่าจะนำเข้าอย่างรวดเร็วภายในปีนี้