ถึงแม้ชื่อชั้นของ Audi A1 จะไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเรามากนัก แต่สำหรับยุโรปแล้วชื่อของ Audi A1 คือประวัติศาสตร์ “หน้า
ใหม่” ของวงการรถยนต์ระดับหรูเพราะนี่คือรถพรีเมี่ยมเล็กคันแรกที่ “ปลดแอ็ก” ความเชื่อดั้งเดิมของรถยนต์ระดับหรูใน
อดีตทิ้งไปชนิดไม่เหลือคราบ (กลุ่มคนซื้อสมัยก่อนยังรับไม่ได้กับรถหรูขนาดเล็กแบบนี้) เพราะนับตั้งแต่ Audi A1 เปิดตัว
ครั้งแรกในปี 2009 และนับจากเริ่มส่งมอบภายในปี 2010 มันก็มียอดผลิตครบ 100,000 คันอย่างรวดเร็วภายในปี 2011
นั่นก็ทำให้ Audi A1 กลายเป็นพาสปอร์ตเบิกทางความสำเร็จให้แก่รถเล็กหรูค่ายอื่นให้ประสบความสำเร็จตามได้
วันนี้ Audi ก็ได้เผยโฉม Audi A1 และ S1 รุ่น Minorchange ทั้งตัวถัง 3 ประตูและ 5 ประตู Sportback ที่ปรับหน้าตา
ให้บึ้งตึงน้อยลงจนกลายมาเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมถนนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังเพิ่มความสปอร์ตขึ้นด้วยการเปลี่ยนไฟหน้าทรง
ใหม่ที่มีรอยหยักตื้นขึ้นที่มีการเปลี่ยนรายละเอียดไฟ LED ใหม่, เปลี่ยนลวดลายกระจังหน้าใหม่และสร้างความเก๋ไก๋ด้วย
ช่องดักลมบริเวณไฟตัดหมอกหน้าใหม่ที่ดูเฟี้ยวกว่าเดิม
Audi A1/S1 Minorchange ก็มีการเพิ่มความยาวตัวถังอีก 2 เซนติเมตรที่คุณสามารถสาดสีเสา A-C ให้เป็นสีทูโทนได้
เฉพาะรุ่น 3 ประตู หรือจะสาดสีทั้งหลังคาได้เฉพาะรุ่น Sportback
ส่วนภายในห้องโดยสารมองเผิน ๆ ก็อาจจะนึกว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงแต่อันที่จริง Audi ก็ได้พยายามเปลี่ยน
รายละเอียดบางอย่างให้รู้สึกว่ามันหรูขึ้น (บ้าง) แต่ไฮไลต์สำคัญคงจะหนีไม่พ้นลูกค้า Audi A1/S1 สามารถเลือกการ
ตกแต่งภายในได้ตามใจชอบ อาทิ การเปลี่ยนสีช่องแอร์เพื่อให้เข้ากับตัวถังภายนอก เป็นต้น
หน้าจอสัมผัส MMI ก็มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถใช้งาน
Audi Connect ผ่านการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi HotSpot
Audi A1/S1 มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดีขึ้นด้วยการเปลี่ยนพวงมาลัยไฟฟ้ากึ่งกลไกซึ่งการันตีได้เลยว่าจะ
ช่วยสนับสนุนการขับขี่ทุกสภาพถนนได้ ระบบช่วยกำลังจะลดการทำงานเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งมีการ
ปรับจูนช่วงล่างให้แข็งขึ้นแต่ก็มีความสะดวกสบายในการขับขี่เพิ่มขึ้นด้วย และเพื่อความเพลิดเพลินในการขับขี่ Audi S1
จะติดตั้งระบบตัวช่วยการขับขี่ที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกบุคลิกการขับขี่ของเครื่องยนต์ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีปรับ
บุคลิกของเกียร์ S Tronic และช๊อคอับให้รองรับการขับขี่ 3 โหมดได้แก่ อัตโนมัติ, เน้นประสิทธิภาพและสปอร์ต
เครื่องยนต์กลไกของ Audi A1 จะมีเครื่องรุ่นเล็กสุดบล็อก 3 สูบ 1.0 ลิตร TFSI ให้กำลัง 90 แรงม้า (HP) มีอัตรา
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำเพียงแค่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร แต่ถ้าอยากได้อะไร
ที่ประหยัดกว่านี้ก็จงเลือกเครื่องดีเซล 3 สูบ 1.4 ลิตร TDI 90 แรงม้า (HP) มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียงแค่ 3.4 ลิตรต่อ
100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 เพียงแค่ 89 กรัมต่อกิโลเมตร
สำหรับ Audi S1 ก็จะติดตั้งเครื่องแรงอย่างบล็อก 2.0 ลิตร TFSI ให้กำลัง 231 แรงม้า (HP) แรงบิด 370 นิวตันเมตร แรง
จี๊ดจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่มาพร้อมกับระบบ
ขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ที่ส่งกำลังขับเคลื่อนอย่างสนุกสนาน
สำหรับกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ Audi ยังไม่ได้ประกาศ แต่คาดว่าคงอดใจรอไม่นานนี้
ที่มา : Worldcarfans