ตระกูล StepWGN (อ่านว่า สเตป แวกอน)เป็นรถตู้ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Civic ตอบสนองครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่ต้องการความอเนกประสงค์ทุกตารางเมตรด้วยขนาดตัวถังไม่ใหญ่เกินไปนักกว้างไม่เกิน 1,695 มม.ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีขนาดตัวถังหนักเกินไปนัก

 
 

StepWGN รุ่นแรกเปิดตัว พฤษภาคม 1996 นั่นเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ต้องจารึกเพราะชาวญี่ปุ่นพร้อมใจกันซื้อ StepWGN จนเป็นอันดับ 1 แซงอดีตเจ้าตลาดอย่าง Nissan Serena ทั้ง ๆ ที่เปิดตัวล่วงหน้าในปี 1991 เมื่อสืบสาวราวเรื่องก็พบว่าชาวญี่ปุ่นถูกใจกับความอเนกประสงค์ที่เหนือกว่ามากของ StepWGN (ปัญหาหลักของ Serena รุ่นแรกคือไม่สามารถจัดการเนื้อที่ห้องโดยสารให้ดูโปร่งโล่ง)หนำซ้ำดีไซน์ที่ดูเหลี่ยม ๆ ทื่อ ๆ กลับกินใจพ่อบ้านแม่บ้านยิ่ง

ในเมื่อรุ่นแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม รุ่นต่อไปคงรักษาแนวคิดดั้งเดิมเอาไว้คือตัวถังเหลี่ยม ภายในอเนกประสงค์เอาใจทุกเพศทุกวัยผลน่ะหรืออย่าถามให้มากความขายดีเทน้ำเททิ้งอีกแล้วครับ ขณะที่ Serena เริ่มปรับเป็นทรงเหลี่ยมสันมากขึ้นครับแต่ยังไม่อาจเทียบรัศมีได้

โฉมที่ 3 ของทั้งคู่ที่เปิดตัวเดือนพฤษภาคม 2005 กลายเป็นจุดพลิกผันชะตากรรมใหม่อีกครั้งอย่างคาดไม่ถึงเมื่อ Honda คิดอยากจะฉีกแนวทาง StepWGN ให้มากกว่าความเป็นรถสำหรับครอบครัวด้วยการออกแบบตัวถังแนวโฉบเฉี่ยวลดความเหลี่ยมสันอย่างเห็นได้ชัด ภายในห้องโดยสารนำแนวคิดจาก Odyssey คือการลดจุดศูนย์ถ่วงของพื้นตัวถังช่วยเพิ่มเหนือที่เหนือศีรษะมากขึ้นอีกทั้งยังเพิ่มคุณภาพการขับขี่ยามเข้าโค้งได้ ตกแต่งด้วยสีสันสดใสดูบูติคมากขึ้น

ขณะที่ Nissan กลับเลือกแนวคิดการพัฒนา Serena โฉมที่ 3 ให้เหมือนกับ StepWGN โฉมที่แล้ว สร้างความน่าฉงนแก่สื่อมวลชนญี่ปุ่นอย่างมากว่าทำไมถึงกล้าเลือกแนวคิดที่ดูเหมือนจะถอยหลังลงคลองเสียมากกว่า เกมส์การแข่งขันสนุกสนานยิ่งขึ้นเมื่อทั้งคู่เปิดตัวรถใหม่ “ชนกัน”พอดิบพอดีทำให้อุณหภูมิการแข่งขันดุเดือดเลือดพล่าน

ยอดขายปีแรกทั้งคู่ผลัดกันขึ้นผลัดกันลง แต่สักระยะหนึ่งพวกเราจะพบว่า Serena เริ่มกลับทำยอดขายทิ้งห่าง StepWGN ทีละน้อย ๆ จน Nissan กลับมาขึ้นแท่นเจ้าตลาดมินิแวนคอมแพคท์อีกครั้งในรอบสิบกว่าปีนี้ ส่วน StepWGN ความนิยมกลับค่อย  ๆ แผ่วลงเรื่อย ๆ หนำซ้ำหลังจากเปิดตัว Toyota Noah/Voxy ยอดขายก็ยิ่งตกต่ำอย่างหนักจนน่าฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก ล่าสุดเดือนกรกฏาคม 2009 StepWGN ทำได้เพียง 2,493 คัน คู่แข่งตัวฉกาจ Serena ทำได้ถึง 8,752 คัน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดขาย StepWGN เพลี่ยงพล้ำคู่แข่งคือดีไซน์ที่ไม่ถูกใจลูกค้าชาวญี่ปุ่นเหมือนรุ่นก่อน ๆ ดูแล้วไม่เป็นมิตรหรืออบอุ่นเท่าที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่างการใช้สีสันภายในห้องโดยสารที่ดูฉูดฉาดเกินกว่าจะเป็นรถตู้สำหรับทุกวัยได้ แน่นอนความเหลี่ยมกับมินิแวนคอมแพคท์น่าจะเป็นของคู่กันเสียแล้ว ขืนรอให้หมดอายุทำตลาดให้ครบ 5 ปีเต็มอาจจะไม่ทันกิน ดังนั้น Honda จึงต้องเร่งปล่อย StepWGN ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

StepWGN รุ่นที่ 4 หวนกลับมาดีไซน์ทรงเหลี่ยมเหมือนเดิม ที่น่าฉงนยิ่งกว่าคือ รูปร่างหน้าตาคันนี้กลับดูไม่แตกต่างจาก Nissan Serena โฉมปัจจุบันเอาเสียเลย เน้นความเรียบง่ายไม่ฉูดฉาดและปราดเปรียวเกินเหตุ เรียกว่าย้อนกลับไปสู่แนวคิด StepWGN รุ่นที่ 2

ภายในห้องโดยสารชัดเจนมากว่าได้แรงบันดาลใจจากชุดคอนโซลหน้า StepWGN รุ่นที่ 2 ผสมผสานกับแนวการออกแบบ Honda ยุคปัจจุบัน รวมทั้งใช้ชิ้นส่วนห้องโดยสารบางชิ้นร่วมกับ Freed และ Odyssey อีกด้วย บรรยากาศห้องโดยสารเน้นความสบายของห้องโดยสารมากกว่าความฉูดฉาดของสีสัน

จุดเด่นความกว้างขวางของห้องโดยสารยังคงเหมือนเดิมด้วยพื้นตัวถังจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้เฮดรูมกว้างขวาง

เครื่องยนต์วางเครื่อง K24A สเปคเดียวกับ Odyssey รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจับคู่เกียร์ CVT รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และเครื่อง K20A จับคู่กับเกียร์ CVT

กำหนดวางจำหน่ายช่วงตุลาคมปีนี้วางขายตัดหน้า Nissan Serena โฉมใหม่ที่จะจำหน่ายเดือนเมษายน-พฤษภาคมปีหน้า
เชื่อเหลือเกินว่าน่าจะทำยอดขายได้ดีเสมอต้นเสมอปลายมากกว่าโฉมปัจจุบันแน่ ๆ เพราะคนญี่ปุ่นชอบดีไซน์ตัวถังแนว ๆ นี้
แต่ก็ต้องจับตาต่อไปว่าเมื่อปะทะกับ Nissan Serena แล้วใครจะอยู่หรือจะไป