มาตรการสนับสนุนการลดใช้พลังงานของรัฐบาลในประเทศที่เจริญแล้วล้วนแต่ผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์ช่วยกันร่วมมือร่วมใจกันผลิตรถยนต์ที่ลดใช้เชื้อเพลิง นั่นก็ไม่แปลกใจถ้าประเทศนั้นเป็นแหล่งกำเนิดแบรนด์รถยนต์ชั้นนำเสียส่วนใหญ่
สหรัฐอเมริกาก็ขึ้นชื่อประเทศสูบน้ำมันลำดับต้น ๆ ของโลกที่แม้ตนเองจะพยายามกระทำตัวฮีโร่ปกป้องโลกมากเพียงใดแต่เหล่าประเทศปรปักษ์ก็ยังตั้งแง่อยู่ดีว่ามือถือสากปากถือศีล กล่าวหาว่าสหรัฐอเมริกาเสียมากกว่าที่เป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมโลกตัวจริง
เพื่อลบข้อครหาดังกล่าวหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลโอบามา ได้แก่ แผนกคมนาคมแห่งสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกาได้ตั้งบัญญัติให้รถยนต์ทุกชนิดที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาลดใช้พลังงานและลดแก๊ซต้นเหตุทำลายเรือนกระจกที่เข้มงวดขึ้นภายในปี 2016 เข้มงวดชนิดเป็นประวัติการณ์ของโลกอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐอเมริกา
Big Move ครั้งนี้ถือเป็นนโยบายหลักที่มุ่งหมายจะช่วยลดก๊าซไอเสียและลดโลกร้อนจากท่านประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ข้อบังคับนี้จะเริ่มใช้รถยนต์ที่เตรียมวางจำหน่ายรุ่นปี 2012 เป็นต้นไปว่าต้องมีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่ารุ่นปีก่อน 5% ทุกปีจนถึงปี 2016 ซึ่งคาดว่าอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในตลาดรวมเมื่อถึงจุดนั้นน่าจะอยู่ที่คันละ 14.4 กิโลเมตรต่อลิตร และข้อกำหนดของรถยนต์ที่จะจำหน่ายในปี 2016 จะต้องปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 250 กรัมต่อไมล์
ผลของการตั้งข้อบัญญัติลดการใช้พลังงานและมลภาวะครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 3,000 ดอลลาร์ ช่วยชาติประหยัดน้ำมันได้ถึง 1.8 พันล้านบาร์เรลและที่สำคัญยังช่วยลดก๊าซทำลายเรือนกระจกได้มากถึง 1 พันล้านตันทีเดียว หากรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผ่านข้อบังคับเหล่านี้จำหน่ายไปถึง 2030
งานนี้ไม่ใช่ช่วยโลกแต่ปาก แต่เอาจริงครับ