ณ เวลานี้ความสนุกของการแข่งขันอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนคงจะต้องมองกันที่ตลาดเมืองไทยและตลาด
อินโดนีเซียเป็นหลักเพราะ 2 รัฐบาลจากทั้งสองประเทศได้พยายามชิงดีชิงเด่นให้การเป็นจ้าวอุตสาหกรรมยานยนต์แห่ง
อาเซียนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน กันไปข้างหนึ่ง โดยเกมยกแรกเริ่มจากรัฐบาลเมืองไทยได้เคาะโครงการอีโคคาร์เฟสแรก
ในปี 2007 อย่างเป็นทางการหลังจากนั้นอีก 3 ปีให้หลังรัฐบาลอินโดนีเซียก็เอาอย่างบ้างด้วยการออกโครงการรถราคาถูก
รักษาสิ่งแวดล้อม (Low Cost Green Car) กับเงื่อนไขที่ผ่อนปรนกว่าไทยมาก ๆ อาทิ ผ่อนปรนด้านความปลอดภัย, ด้าน
จำนวนการผลิต เป็นต้น แต่เน้นราคาขายเป็นหลักเพื่อดันยอดขายในประเทศให้พุ่งกระฉูดจนประเทศอื่นยากจะต้านทาน
ได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้รัฐบางประเทศไทยกำลังเคาะนโยบายอีโคคาร์เฟส 2 กันอยู่ แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถหยุดยั้งความแรงและ
ความน่าสนใจของโครงการ Low Cost Green Car จากรัฐบาลอินโดนีเซียได้เลย เพราะวันนี้ก็ได้ผลผลิตจากโครงการนี้
ออกมาเป็นรูปธรรมแล้ว พร้อมกับราคาขายที่ทำให้คนไทยสะดุ้งเฮือกกับราคาที่ถูกแสนถูก
รายละเอียดเบื้องต้นของโครงการ Low Cost Green Car คือรัฐบาลอินโดนีเซียจะสนับสนุนให้ค่ายรถผลิตรถยนต์ได้ทุก
รูปแบบตัวถัง แต่ต้องติดตั้งเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,200 ซีซี หรือเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1,500 ซีซี ประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า
20 กิโลเมตรต่อลิตร ยิ่งประหยัดและปล่อยมลพิษต่ำเท่าไรก็ยิ่งเสียภาษีต่ำเท่านั้น
รถยนต์ที่เปิดตัวในโครงการ Low Cost Green Car ณ ปัจจุบันนี้ (วันที่ 17 กันยายน 2013) มีถึง 3 ยี่ห้อดังได้แก่
Daihatsu, Toyota และ Honda
เริ่มจากรถใกล้ตัวบ้านเราอย่าง Honda ที่ส่ง Honda Brio Satya หรือ Brio ที่ลดสเปคลงมาเข้าโครงการนี้โดยเฉพาะมี
ให้เลือก 3 เกรดเกียร์ธรรมดาและฝาครอบล้อทั้งหมด Type A จะมีถุงลมคู่หน้าและเข็มขัดนิรภัยดึงกลับอัตโนมัติ, สี
ภายในโทนเดียว, วิทยุ 1 DIN 2 ลำโพง, ไม่มีกระจกไฟฟ้า ราคา 106,000,000 รูเปี๊ยะหรือ 296,000 บาท!!!!
Type S ติดตั้งกระจกไฟฟ้า, ลำโพง 4 จุด, แผงบังแดด ราคา 111,000,000 รูเปี๊ยะหรือ 312,000 บาท รุ่น Type E รุ่น
ท๊อปสุดจะจัดเต็มด้วยใบปัดน้ำฝนหลังพร้อมแผงประดับกระจกท้าย, ไฟตัดหมอกหน้า ราคา 117,000,000 รูเปี๊ยะ หรือ
334,000 บาทเท่านั้น
Daihatsu เปิดราคา Ayla เร้าใจเริ่มต้นที่ 76,650,000 ล้านรูเปี๊ยะหรือ 218,000 บาท ในรุ่น Type D เกียร์ธรรมดา
ออพชั่นโดนตัดเหี้ยนออกหมดจดไม่ทิ้งคราบ แม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศ! (ยังดีที่เหลือเบาะกับล้อรถมาให้) แต่ถ้าต้องการอุปกรณ์ที่ดี
ขึ้นก็ต้องเลือกรุ่น Type D+ ราคา 86,050,000 รูเปี๊ยะหรือ 245,000 บาท ที่เพิ่มเครื่องเสียง 1 DIN 2 ลำโพง เล่น mp3
ได้, เครื่องปรับอากาศ, พวงมาลัยพาวเวอร์, เข็มขัดนิรภัย 3 จุดในเบาะตอนหลัง
Daihatsu Ayla รุ่น Type M จะมีออพชั่นเพิ่มก็คือกระจกไฟฟ้า, เบาะผ้าเต็มตัว, ที่ใส่ของหลังเบาะหน้า, เซ็นทรัลล๊อค,
แผงข้างประตูบุด้วยผ้าและพนักพิงศีรษะเบาะแถวหลัง รุ่นเกียร์ธรรมดาราคา 91,100,000 รูเปี๊ยะหรือ 258,000 บาท รุ่น
เกียร์อัตโนมัติ 100,100,000 รูเปี๊ยะหรือ 284,000 บาท
Daihatsu Ayla รุ่น Type X จะมีออพชั่นเพิ่มจาก Type M คือ เพิ่มมือจับบนหลังคา, เน้นการตกแต่งภายในห้องโดยด้วย
โครเมียมเกือบทั้งหมด รุ่นเกียร์ธรรมดา 98,100,000 รูเปี๊ยะ หรือ 278,000 บาท รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 107,150,000 รูเปี๊ยะ
หรือ 304,000 บาท
ค่ายสุดท้าย Toyota ก็ปล่อยราคา Agya ออกมาแล้ว เริ่มจากรุ่น Type E เกียร์ธรรมดา 99,950,000 รูเปี๊ยะหรือ
284,000 บาท เกียร์อัตโนมัติ 313,000 บาท รุ่น Type G เกียร์ธรรมดา 106,700,000 รูเปี๊ยะหรือ 303,000 บาท เกียร์
อัตโนมัติ 326,000 บาท รุ่น Type G TRD Sportivo เกียร์ธรรมดา 111,200,000 รูเปี๊ยหรือ 312,000 บาท เกียร์
อัตโนมัติ 120,800,000 รูเปี๊ยะหรือ 335,000 บาท
ทั้ง Daihatsu Ayla และ Toyota Agya ไม่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยเช่นถุงลมนิรภัยหรือระบบเบรค ABS ติดตั้ง
เครื่องยนต์ 1KR-Fe 1.0 ลิตร
ยังเหลือผู้เข้าร่วมโครงการค่ายอื่นอีกมากที่รอการเปิดตัวในโครงการนี้ และคาดว่าผลดีของโครงการนี้น่าจะช่วยขยาย
ยอดขายในประเทศอย่างมหาศาล แต่สำหรับตลาดส่งออกนั้นอาจจะยังไม่ถึงเวลา