จากความมุ่งมั่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในยานยนต์ จากทั้งทางภาครัฐของหลายๆพื้นที่ และบรรดาผู้ผลิตรถยนต์
ทำให้ในปัจจุบัน เทคโนโลยี Head-up Display หรือระบบฉายข้อมูลในระดับสายตาผู้ขับขี่ กำลังเพิ่มความนิยม
อย่างมาก เพราะมีราคาที่ย่อมเยาลง และกลายเป็นฟีเจอร์ที่ผู้บริโภคมองหา จนมีการคาดการณ์ว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า
ระบบนี้อาจถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ C-Segment ทั่วๆไป

alt

เทคโนโลยี Head-up Display ในปัจจุบัน ใช่วิธีการติดตั้งอุปกรณ์ฉายข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า หลังชุดมาตรวัด
โดยจะทำการฉายข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วที่ใช้ ระบบนำทาง ฯลฯ ในระดับสายตาของผู้ขับขี่ เพื่อทำให้
ได้รับข้อมูลสำคัญต่างๆอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องละสายตาเหลือบมองที่มาตรวัดหรือหน้าจออินโฟเทนเมนต์
ซึ่งในปีที่ผ่านมา รถยนต์ที่ติดตั้งระบบ Head-up Display มีจำนวนถึง 1.2 ล้านคันทั่วโลก และมีการคาดคะเนจาก
IHS Automotive ว่าจะถูกเพิ่มจำนวนเป็น 9.1 ล้านคันในปี 2020 เลยทีเดียว ส่วนในปีนี้น่าจะมีการเพิ่มจำนวน
เป็น 1.3 ล้านคัน

โดยก้าวต่อไปของเทคโนโลยีนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าระบบ Head-up Display จะสามารถแสดงข้อมูลสำคัญได้มากกว่า
ในปัจจุบัน เช่น การเตือนจำกัดความเร็ว เตือนรถยนต์ในมุมอับ ฯลฯ และอาจมีการเปลี่ยนวิธีการฉายภาพจาก
การฉายขึ้นบนกระจกบานหน้า เป็นการติดตั้งกระจกชิ้นพิเศษเหนือชุดมาตรวัด เพื่อความชัดเจนมากขึ้น และ
ลดต้นทุนของกระจกบานหน้า

ผู้ผลิตรถยนต์ที่นำระบบนี้มาใช้เป็นเจ้าแรก ได้แก่ General Motors เมื่อปี 1998 แต่ด้วยปัญหาของการฉายภาพ
ที่ไม่ชัดเจน ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในปัจจุบัน รถยนต์จาก General Motors, BMW, Mercedes-Benz
หรือ Audi ต่างได้รับความนิยมในการติดตั้งระบบนี้อย่างแพร่หลาย จนทำให้มีการวิเคราะห์ว่าภายใน 5 ปีข้างหน้านี้
ระบบนี้จะถูกติดตั้งในรถยนต์ C-Segment อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลถึงการใช้ระบบนี้อย่างผิดวิธี เช่น การฉายข้อมูลออกมามากเกินไป กลายเป็น
การรบกวนสายตาของผู้ขับขี่ และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม จนอาจทำให้ระบบนี้เอื้อให้เกิดอุบัติเหตุ
มากกว่าการพยายามลดอุบัติเหตุ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ก็จะต้องปรับปรุงในส่วนนี้ต่อไป

ที่มา : Automotive News