การเปิดตัวของ Mercedes-Benz S-Class ใหม่ ในรหัสตัวถัง W222 กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้แล้ว และล่าสุด
ช่างภาพในยุโรปได้จับภาพรถทดสอบของ S-Class ใหม่ แบบแทบจะไร้การพรางตัว เพราะมีเพียงชุดโคมไฟหน้า
และท้ายเท่านั้น ที่มีการติดสติกเกอร์พรางตัวเอาไว้ เผยให้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกแบบชัดเจน อวดโฉมที่ได้รับการ
ออกแบบให้ดูปราดเปรียวมากขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน

ซึ่งเมื่อได้เห็นภาพชุดนี้ ก็เป็นไปตามการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ว่า Mercedes-Benz ได้บรรจงใส่เอกลักษณ์
งานดีไซน์ยุคใหม่ของตนลงไป โดยเฉพาะความโฉบเฉี่ยว เรียวมน รวมถึงเส้น Dropping Line ที่โด่งดังจาก
CLS-Class มาใส่บนตัวถังของ S-Class ใหม่ ส่งผลให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยว โค้งมนกว่ารุ่นปัจจุบัน รวมถึงนำเอาแรงบันดาลใจ
งานออกแบบมาจากรถต้นแบบ F700 Concept ที่เปิดตัวในปี 2008 มาใช้ด้วยเช่นกัน

alt

โดย Mercedes-Benz S-Class ใหม่ จะมีรูปแบบตัวถังซีดานถึง 4 เวอร์ชันด้วยกัน ได้แก่ตัวถังเวอร์ชันปกติและ
เวอร์ชันฐานล้อยาวที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ร่วมกับอีก 2 เวอร์ชันใหม่ที่มีฐานล้อหน้า-หลังและความยาวตัวถังรวม
ยาวมากขึ้นไปอีก จนรุ่นที่ยาวที่สุดจะจบความยาวตัวถังไว้ที่ 6.5 ม.! โดยจะมีลักษณะการโดยสารตอนหลังคล้าย
รถยนต์ลีมูซีน ที่เบาะนั่งขนาดโต 2 คู่จะหันหน้าเข้าหากัน และสามารถพับเก็บเบาะ 1 คู่เมื่อไม่ได้ใช้งาน ในขณะที่
เวอร์ชันตัวถังยาวรองลงมาจะมีพื้นที่โดยสารตอนหลังใกล้เคียงกับ Rolls-Royce Ghost

การขยับตัวด้วยตัวถังซีดานยาวพิเศษนี้ ถูกทำขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ ที่มักจะมองหารถยนต์ที่กว้างขวาง
เป็นพิเศษ และประกอบกับการยุติบทบาทของ Maybach ทำให้ Mercedes-Benz ต้องพัฒนา S-Class ให้ขยับ
ขึ้นไปทำตลาดใกล้เคียงกับ Maybach จนทำให้ S-Class เจเนอเรชั่นนี้จะสามารถต่อกรเคียงบ่าเคียงไหล่กับคู่แข่ง
ระดับ Rolls-Royce และ Bentley ได้เป็นครั้งแรก

alt
alt

นอกจากขนาดตัวถังจะถูกพัฒนาให้เอาใจชาวนิยมเหยียดขาแล้ว Mercedes-Benz ยังไม่ละทิ้งความสำคัญของผู้ขับขี่
ไป เพราะอัดแน่นเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ยุคใหม่แบบเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นระบบ Magic Ride Control ใหม่
ที่จะทำงานร่วมกับกล้องจับภาพหลายตัว เพื่อสอดส่องสภาพถนนข้างหน้าได้แม่นยำมากขึ้น เพื่อนำไปปรับระบบช่วง
ล่างให้มีความเหมาะสมที่สุดแบบอัตโนมัติ อีกทั้ง S-Class จะยกเลิกการใช้หลอดไฟแบบทั่วไปจนหมดสิ้น เพราะ
รถยนต์ทั้งคันจะใช้ระบบหลอดไฟ LED โดยเฉพาะในโคมไฟหน้า ที่จะมีระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมระบบจับ
ภาพสิงห์สาราสัตว์และคนเดินถนนในยามค่ำคืน เพื่อให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังได้ง่ายขึ้น ในขณะที่โคมไฟท้ายสามารถปรับ
ความสว่างของแสงอัตโนมัติเพื่อปรับเข้ากับหลายๆสถานการณ์

นอกจากบรรดากล้องถ่ายภาพด้านหน้าของ S-Class ใหม่ จะช่วยสอดส่องสภาพถนนแล้ว ยังช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวาง
ด้านหน้าของรถให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย โดยตัวรถจะตัดสินใจเตือนผู้ขับขี่ หรือสาดไฟสูงให้อัตโนมัติ และแม้กระทั่งหยุด
ตัวรถให้เองอัตโนมัติ เพื่อป้องกับการปะทะชนมากที่สุด มากไปกว่านั้น S-Class ใหม่ ยังสามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
ได้ในการขับขี่บางรูปแบบ เช่น การขับบนไฮเวย์ ซึ่งตัวรถสามารถเปลี่ยนเลนให้เองได้อีกด้วย โดยเป็นการทำงาน
ร่วมกันระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ กล้องด้านหน้าตัวรถ และเรดาร์

alt

ส่วนขุมพลังก็เดินทัพมาให้เลือกกันมากมาย ทั้งแบบขุมพลังเบนซิน ดีเซลแบบปกติ และขุมพลังไฮบริด เพื่อช่วย
ลดมลภาวะและเพิ่มความประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น แต่ในเวอร์ชัน AMG ก็จะจัดเต็มแบบไม่แคร์สื่อด้วยขุมพลัง
เบนซิน V12 เทอร์โบคู่ ที่จะสร้างกำลังได้สะใจถึง 680 แรงม้าเลยทีเดียว

นับได้ว่าด้วยตัวถัง W222 นี้ จะทำให้ Mercedes-Benz S-Class กลายเป็นรถยนต์ที่น่าจับตามองมากที่สุดแห่งปี
ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกันได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แน่นอนครับ

ที่มา : Automedia