โดยปกติ คนทั่วไปมักจะมองว่าประเทศที่ยังมีประชากรยากจนเป็นส่วนใหญ่ อย่างในประเทศอินเดียยังต้องการรถยนต์ที่
ราคาถูก, อุปกรณ์มาตรฐานแค่พอมีพอใช้และไม่สนใจมาตรฐานความปลอดภัยใด ๆ ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผู้อ่านในไทยและรวม
ไปถึงผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกมักจะคิดกัน ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายจึงทำรถที่เน้นต้นทุนถูก ๆ ความสวยหามีไม่,
ออพชั่นก็น้อยมาก และไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย และพอเปิดตัวคันจริงก็ปรากฏว่ามันไม่ประสบความสำเร็จตามที่
คาดหวังหลายรุ่นมาก นั่นเป็นเพราะว่าลูกค้าชาวอินเดียต่างต้องการพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิตของตนอย่างต่อเนื่องจนทำ
ให้รถแบบเดิม ๆ คุณภาพแย่ ๆ ที่เคยใช้กันมาเริ่มไม่เป็นที่ต้องการแล้ว
J.D. Power Asia Pacific ได้สำรวจความต้องการของผู้ใช้รถใหม่ในอินเดียในหมวดการสำรวจ วิจัยสมรรถนะ,
ระบบปฏิบัติการและการออกแบบรูปลักษณ์ หรือ APEAL ประจำปี 2014 ก็พบว่า
ลูกค้ารถใหม่ส่วนใหญ่ต้องการฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาอยากจะซื้อรถเล็กเจเนเรชั่นต่อไป แต่บังเอิญว่า
ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่เขาต้องการมีการติดตั้งในรถเล็กกันน้อยมาก
ผลสำรวจแสดงเห็นชัดแล้วว่า ลูกค้าร้อยละ 95 ต้องการเบาะฝั่งคนขับปรับสูงต่ำได้ แต่ฟีเจอร์นี้มีในรถเล็กที่ขายในอินเดีย
เพียงร้อยละ 35 เท่านั้น, ลูกค้าร้อยละ 94 ต้องการ ABS แต่รถที่ขายในปัจจุบันติดตั้งมาให้แค่ 24% เท่านั้น, ลูกค้าร้อยละ
93 ต้องการเซนเซอร์/ระบบช่วยจอด แต่ฟีเจอร์นี้ติดตั้งในรถเล็กแค่เพียงร้อยละ 12
ลูกค้าร้อยละ 93 ต้องการระบบการสื่อสารแบบไร้สาย แต่มีรถที่รองรับระบบนี้แค่เพียงร้อยละ 10, ลูกค้าร้อยละ 92
ต้องการปุ่มกดควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย แต่มีรถที่รองรับฟีเจอร์นี้เพียงแค่ร้อยละ 17, ลูกค้าร้อยละ 92 ต้องการถุง
ลมนิรภัย แต่รถที่ขายในวันนี้ติดตั้งมาให้เพียงแค่ร้อยละ 12 และลูกค้าร้อยละ 91 ต้องการใบปัดน้ำฝนหลังซึ่งมีรถที่ติดตั้ง
มาให้เพียงร้อยละ 21 เท่านั้น
ผลสำรวจก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพฤติกรรมการบริโภครถยนต์ของชาวอินเดียเปลี่ยนไปจาก 2-3 ปีก่อน เนื่องจากความ
ต้องการที่พุ่งสูงขึ้นตามตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นผู้ผลิตรถยนต์จึงจำเป็นต้องพัฒนารถตามความต้องการ
และสามารถควบคุมต้นทุนการพัฒนาได้ตามคาดหวังของลูกค้าได้
ที่มา : Indiansutoblogs