MG GS เป็น Compact SUV ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาตั้งแต่ 17 มกราคม 2016 เริ่มแรกประเดิมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 เทอร์โบ 218 แรงม้า เปิดราคา 1.2 – 1.3 ล้านบาท

แต่ยอดขายก็ไปแบบเรื่อยๆ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก 30 พฤศจิกายน 2016 MG ประเทศไทย จึงเสริมทัพด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 เทอร์โบ 169 แรงม้า แต่ได้สมรรถนะที่ใกล้เคียงกัน และ มีการปรับฐานราคาใหม่ เริ่มต้นเพียง 890,000 – 990,000 บาท ก็ช่วยประคับประคอง ยอดของ MG GS ขึ้นมาได้ ในระดับที่น่าพอใจ จนบางครั้งสามารถแซง Nissan X-Trail ได้เสียด้วยซ้ำ

แต่ดูเหมือนด้วยดีไซน์ของตัวรถ MG GS เอง ก็ไม่สามารถทัดทานความสมัยใหม่ของคู่แข่งเจ้าตลาด และ แบรนด์ที่อยู่ในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Honda CR-V, Mazda CX-5, Subaru Forester และ Nissan X-Trail เมื่อปีที่ผ่านมา MG GS เองก็มีรุ่นปรับโฉม Minorchange เปิดตัวไปแล้วที่ประเทศจีน แต่ MG ประเทศไทย ก็ตัดสินใจไม่ได้นำเข้ามาขายในบ้านเรา รอ Compact SUV ตัวใหม่ล่าสุดที่จะมาแทนที่ GS ก็คือ MG HS ที่เราเห็นในบทความนี้นั่นเอง

MG HS เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน เมื่อเดือน กันยายน 2018 ที่ผ่านมา และ ล่าสุด ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า All NEW MG HS เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 25 กันยายน นี้ !

ทีมงาน Headlightmag.com มีโอกาสมาเทสต์แบบสั้นๆก่อนเปิดตัว ถือโอกาสเก็บภาพรถคันจริงเวอร์ชั่นไทยมาให้ชมกัน พร้อม รายละเอียดเบื้องต้นทั้งหมด

Dimension มิติตัวถัง

MG HS

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,574 x 1,876 x 1,664 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,720 มิลลิเมตร
  • ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย : 463 – 1,287 ลิตร (เมื่อพับเบาะ)

CR-V

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,571 x 1,855 x 1,667 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,662 มิลลิเมตร

Forester

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,625 x 1,815 x 1,730 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,670 มิลลิเมตร

CX-5

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,550 x 1,840 x 1,680 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ Wheelbase : 2,700 มิลลิเมตร

X-Trail

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,690 x 1,830 x 1,740 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,705 มิลลิเมตร

Engine เครื่องยนต์ (ตัวเลขแรงม้า แรงบิดยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ)

เบนซิน 1.5 เทอร์โบ

เครื่องยนต์เบนซิน Direct Injection 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 1.5 ลิตร  1,490 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 74.0 x 86.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.3 : 1 กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันสูงสุด E85

Exterior ภายนอก

  • ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED
  • ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED แบบ Sequential
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
  • ระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้า
  • ไฟท้าย LED
  • ไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ LED LED แบบ Sequential
  • ล้ออัลลอย แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว
  • ยาง Goodyear Efficient GRIP ขนาด 235/50 R18
  • ยางอะไหล่แบบ Spare tire Maxxis ขนาด 125/80 R17
  • กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า
  • กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว
  • ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า Power Tailgate
  • แผงกั้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

Interior ภายในห้องโดยสาร

  • ภายในห้องโดยสารสีทูโทน ดำ – แดง
  • วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีเงิน และ สีเงินกึ่งมันแบบ Hairline
  • แผงแดชบอร์ดหน้า บุนุ่มหุ้มด้วยหนังสีแดง เดินตะเข็บด้าย
  • แผงประตู บุนุ่มหุ้มด้วยหนังสีแดง เดินตะเข็บด้าย
  • ฝ้าเพดานหลังคา สีดำ
  • ชุดแป้นคันเร่ง และ เบรก แบบสปอร์ค
  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ – แดง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมที่ปรับดันหลัง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40
  • ที่วางแขนตรงกลางเบาะนั่งด้านหลัง พร้อมที่เก็บของ และ ที่วางแก้วน้ำ
  • เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ 1 จังหวะ
  • หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
  • กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน ขึ้น-ลง อัตโนมัติคู่หน้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • ชุดมาตรวัดแบบ Optitron
  • จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT
  • ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร แบบ LED
  • ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • กล่องเก็บของคอนโซลกลาง แบบรักษาอุณหภูมิ
  • ช่องชาร์จไฟ 12V
  • ช่องชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • พวงมาลัย Multi-function แบบสปอร์ตท้ายตัด
  • พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง เดินตะเข็บด้ายสีแดง
  • สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมปุ่มรับ-วางสาย
  • ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ Super Sport บนพวงมาลัย
  • โหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ
    • ECO
    • Normal
    • Sport
    • Custom
  • กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับเปลี่ยนได้หลายสี

Entertainment ระบบความบันเทิง

  • หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10.0 นิ้ว
  • เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM
  • ช่องเชื่อมต่อ USB
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
  • ระบบ i-SMART สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย
    • สั่งเปิด-ปิดระบบปรับอากาศ
    • เครื่องเสียง
    • โทรออก และ รับสาย
    • ระบบนำทาง
    • สั่งเปิด-ปิด Sunroof
    • ระบบสั่งงานบนหน้าจอ
      • ระบบนำทาง พร้อมรายงานจราจร Real Time
      • แนะนำร้านอาหาร – ที่พัก
      • เลขาส่วนตัว i-Call
      • โทรออก-รับสายในกรณีฉุกเฉิน
    • ระบบสั่งงานบน Smart Phone
      • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
      • เปิดระบบปรับอากาศ
      • ล็อค-ปลดล็อคประตู
      • วางแผนการเดินทาง Travel Plan
      • ระบบ Find My Car
      • ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
    • ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบสตรีมมิ่ง
  • ระบบแผนที่นำทาง Navigation System

Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรก EBA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบ Auto Vehicle Hold
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
  • กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
  • ระบบกุญแจ Immobilizer

All NEW MG HS : Compact SUV ที่มาแทนที่ MG GS เดิม และ เป็นคู่แข่งของ Honda CR-V, Mazda CX-5, Subaru Forester, Nissan X-Trail และ Chevrolet Captiva กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จะเกิดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2019 นี้

ช่วงราคาของ All NEW MG HS 1.5 TURBO มีความเป็นไปได้ว่าจะใกล้เคียงเดิม คือ เริ่มต้น 9xx,000 กว่าบาท ไปจนถึง 1,3xx,000 บาท หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ


เรียบเรียงข้อมูล และ ภาพถ่ายทั้งหมด โดย MoO Cnoe : www.headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/72184.0


First Impression รีวิว ทดลองขับ MG HS 1.5 TURBO เวอร์ชั่นไทย แบบสั้นๆก่อนวันเปิดตัว : http://www.headlightmag.com/sneak-preview-of-mg-hs-thai-version

First Impression รีวิว ทดลองขับ MG HS 1.5 TURBO เวอร์ชั่นไทย แบบสั้นๆก่อนวันเปิดตัว