Nissan X-Trail Generation ที่ 3 Nissan จับ เอา Compact Corssover SUV ที่มีอยู่แล้ว
ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ X-Trail รุ่นเดิม สำหรับตลาดญี่ปุ่นและ ทั่วโลก Nissan Rogue สำหรับตลาด
อเมริกาเหนือ และ Nissan Qashqai / Dualis สำหรับตลาดยุโรป มายุบรวมกันพัฒนา
ออกมาเป็น 3 รูปแบบ คือ X-Trail สำหรับตลาดญี่ปุ่น เอเชีย / ชื่อ Rogue สำหรับอเมริกาเหนือ
และ Qashqai ที่จะมีเส้นสายโฉบเฉี่ยวมากกว่าเล็กน้อย เพื่อเอาใจลูกค้าชาวยุโรปโดยเฉพาะ
X-Trail รุ่นที่ 3 นี้ มีรหัสตัวถัง T32 เริ่มเผยโฉมครั้งแรกทั่วโลก เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2013
ก่อนจะเริ่มเผยสเป็คเวอร์ชันญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก เมื่อ 24 ตุลาคม 2013 จากนั้น จึงเปิดตัว
ในตลาดเมืองจีน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2014 และในที่สุดก็มาเปิดตัวในประเทศไทย
เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2014 ให้หลังจากนั้น 1 ปี พอดิบพอดี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2015
ก็ได้เปิดตัว X-Trail Hybrid ตามมาในไทย
เมื่อดูอายุอานามของ X-Trail ในตลาดโลก ก็ปาเข้าไป 3 ปีแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะทำการ
ปรับโฉม Minorchange กันได้เสียที ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี ราวๆเดือน กุมภาพันธ์ ก็มีข่าวคราว
และ รูปภาพ Spyshot ออกมาให้เห็นกัน >> อ่าน และ ชมภาพได้ที่นี่ <<
ตอนนั้นเองตัวรถก็ถูกสติ๊กเกอร์พรางตัว ปิดคลุมทั้งด้านหน้า และ ด้านหลังอยู่ จึงทำให้
ยังไม่เห็นดีไซน์ที่เปลีี่ยนแปลงไปมากนัก แต่อยู่ดีๆ Nissan USA ก็ได้ปล่อยคลิปแคมเปญ
NISSAN HEISMAN HOUSE 2016 ออกมา ปรากฎตัวรถ Nissan X-Trail Minorchange
คันสีแดง แบบไม่มีการพรางใดๆออกมา จอดเรียงกับรถอีก 3 รุ่นของ Nissan อยู่ ชมได้ที่นี่
ในที่สุดให้หลังปล่อยคลิปออกมา 2-3 วัน ก็ได้ฤกษ์เผยภาพอย่างเป็นทางการกันเสียที
ปรับเปลี่ยนทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสารหลายจุด รวมถึงเพิ่มระบบความปลอดภัย
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไปดูกันเลยครับ
ดีไซน์ด้านหน้า ของ X-Trail / Rouge Minorchange สิ่งที่เห็นได้เด่นชัด ถึงความเปลี่ยนแปลงก็คือ
กระจังหน้า และ ชุดกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้า V-Shape ที่ขยายขนาดให้ใหญ่โตขึ้น คล้ายกับรุ่นพี่
Murano ส่วนไฟหน้าที่ดูเหมือนว่าจะทรงเดิม แต่ลองมองในรายละเอียดดีๆจะพบว่า มีการปรับเส้นสาย
ของไฟหน้าเล็กน้อย เพิ่มขยัก และ เหลี่ยมมุม รวมถึงปรับภายในตัวโคม เป็นแบบ Projector Lens คู่
ตัวไฟ Daytime Running Light ในแนวนอนย่อขนาดลงให้กระชับมากขึ้น มาพร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ
High Beam Assist (HBA) อีกด้วย
กันชนหน้าถูกออกแบบใหม่ ให้รับกับกระจังหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพิ่มเส้นสายเหลี่ยมมุม ให้ดูบึกบึน
เปลี่ยนชุดไฟตัดหมอกคู่หน้า จากเดิมเป็นรูปทรงวงกลม ก็กลายเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอน มีการใช้
แนวเส้นตั้ง ตัดรับลากยาวขึ้นไปที่มุมซ้าย-ขวา
ชายล่างของกันชนยังคงเป็นสีดำเหมือนเคย แต่แนวด้านข้างรถ มีการใช้แถบโครเมียม
มาตกแต่งเพิ่มเติมลากยาวจาก ประตูหน้า – หลัง ล้ออัลลอยลายใหม่ สีทูโทน ขนาด 19 นิ้ว
ยกมาจาก Qashqai ที่ขายในยุโรป
ส่วนด้านท้ายรถเปลี่ยนชุดกันชนหลังใหม่ เพิ่มพื้นที่ส่วนชายล่างกันชนยกขึ้นมา พร้อมคาด
แถบโครเมียมเข้าไปตรงกลาง เสริมแนวสันเหลี่ยมมุมขอบกันชนซ้าย-ขวา ล้อดีไซน์ด้านหน้า
ไฟท้ายโคมสีรมดำปรับรายละเอียดในตัวโคมใหม่ แต่ยังคงลวดลายเดิมเอาไว้ ส่วนที่เป็น
ไฟหรี่มัลติรีเฟลกเตอร์ทรงบูมเมอแรง ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นแถบ LED
ภายในห้องโดยสารถูกปรับโทนสีใหม่ จากเดิมสีดำ เป็นโทนสีน้ำตาลอิฐเหมือนที่พบเห็น
ใน Crossover รุ่นน้องอย่าง Kicks พวงมาลัยที่หลายคนไม่ชอบดีไซน์เหมือนมดลูก หรือ
ทรงกางเกงใน ก็ถูกเปลี่ยนเช่นกัน คาดว่านี่จะเป็นดีไซน์พวงมาลัยทรงสปอร์ตท้ายตัดใหม่
ตกแต่งด้วยโครงสีเงินอลูมิเนียม ที่ถูกนำมาใส่รถ SUV / Crossover ของ Nissan ทุกๆรุ่น
นับต่อจากนี้เป็นต้นไป
แผงแดชบอร์ดหน้ายังคงเป็นดีไซน์เดิม แต่เสริมความหรูหรามากขึ้น จากเดิมที่เป็นแถบ
ลายคาร์บอน ก็เอาแผ่นหุ้มหนังสีน้ำตาลอิฐเหมือนเบาะนั่ง จัดการเดินตะเข็บด้ายมาแปะไว้
แทนที่ วัสดุตกแต่งกรอบช่องแอร์จากขอบสีเงิน ถูกเปลี่ยนมาใช้ขอบสีดำเงา
เบาะนั่ง และ วัสดุหุ้มที่วางแขนแผงประตูต่างๆ รวมถึงคอนโซลกลาง ใช้โทนสีน้ำตาลอิฐ
มีการหุ้มหนังสีเดียวกันนี้ที่บริเวณคอนโซลเกียร์เพิ่มเข้ามาจากรุ่นเดิม อีกทั้งหัวเกียร์เปลี่ยน
ดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา Piano Black และ ตัดด้วยเส้นสีเงิน ฐานเกียร์ก็เปลี่ยนใหม่
เป็นแบบถุงหุ้มเช่นเดียวกัน
ตัวเบาะนั่งเย็บด้วยลวดลายใหม่ คล้ายแผงลวดให้ความร้อน ทั้งส่วนเบาะรองนั่ง และ พนักพิงหลัง
ตัดขอบด้วยสีดำ เย็บตะเข็บด้ายสีน้ำตาลอิฐ ส่วนของวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารลายคาร์บอน
ก็ถูกลดทอนลายละเอียด เป็นวัสดุสีดำเงา Piano Black ทั้งหมด
เครื่องยนต์สำหรับ Nissan Rogue (X-Trail) ในเวอร์ชั่นอเมริกา ยังคงเดิมกับเบนซิน 4 สูบ
ขนาด 2.5 ลิตร 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT
แต่ในตลาดสหรัฐฯ จะมีการเพิ่มรุ่น Rogue Hybrid เข้ามาในการปรับโฉม Minorchange
ครั้งนี้ด้วย ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับ
มอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Electric Motor ขนาด 41 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร
เมื่อทั้งคู่ทำงานร่วมกันจะได้พละกำลังสูงสุด 179 แรงม้า เก็บพลังงานในแบตเตอรี่ Li-ion
แรงดันไฟฟ้า 202 โวลต์ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT คุ้นๆใช่ไหมครับ สเป็คนี้
เหมือน X-Trail Hybrid ในบ้านเรานั่นเอง
ระบบเครื่องเสียง และความบันเทิง หน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว (5 นิ้วในรุ่นรอง)
รองรับ Nissan Connect, ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth, ระบบนำทาง Navigation System,
วิทยุ AM/FM/CD ช่องเชื่อมต่อ AUX / USB, SD Card พร้อมระบบเสียง Bose® 9 ลำโพง
นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยก็ถูกใส่มาให้เต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น Blind Spot Warning (BSW)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับ, Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่าน
ขณะถอยหลัง, Lane Departure Warning (LDW) ระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องจราจร,
Lane Departure Prevention (LDP) ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร
ที่สำคัญมีการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่เข้ามาคือ Intelligent Cruise Control (ICC) ระบบควบคุมความเร็ว
อัตโนมัติ แบบแปรผันหรือ Adaptive ที่หลายค่ายใช้เรียกกันนั่นเอง โดยใช้เรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า
และ ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมช่วยเบรก Forward Emergency Braking with Pedestrian
Detection สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย โดยการใช้กล้องด้านหน้ารถ
ส่วนระบบอื่นๆที่มีอยู่แล้ว (ในบ้านเราก็มีเช่นกัน) ก็ยังคงเดิมไว้ เช่น Around View® Monitor (AVM)
กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ VDC, ระบบ
Active Brake Limited Slip (ABLS), ระบบ Advance Chassis Controls ซึ่งประกอบไปด้วย, Active
Ride Control ระบบช่วยลดอาการโยนตัวของตัวถัง, Active Engine Brake ระบบช่วยควบคุมความเร็ว
ขณะถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง, Active Trace Control ระบบช่วยควบคุมการหักเลี้ยว / การทรงตัวขณะ
เข้าโค้ง, Hill Start Assist ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, ระบบเบรก ABS/EBD / BA
นี่คือรายละเอียดทั้งหมดของ Nissan Rogue ในอเมริกาหรือชื่อ X-Trail ในตลาดโลก
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ภายนอก-ภายในห้องโดยสาร ช่วย
ยกระดับให้ตัวรถมีความประณีตมากขึ้น รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆที่เพิ่มเติมเข้ามา
น่าจะสร้างความดึงดูดให้กับตัวรถได้ไม่น้อย
สำหรับ Nissan ประเทศไทย มีแผนจะปรับโฉม Minorchange ให้กับเจ้า X-Trail T32 นี้
ด้วยหรือไม่ ยังคงต้องรอติดตามกันต่อไป ท่ามกลางความดุเดือดของ Segment นี้ในไทย
คิดว่าคงไม่น่าจะพลาดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
ที่มา : netcarshow